อาคารสูงพร้อมเปิดใช้งานได้ปกติ ระบบเบิกจ่ายเงินผ่านฉลุย ประกันภัยเตรียมเงินพร้อมจ่ายค่าสินไหม

เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา แม้ว่าประเทศไทยจะไม่ได้เป็นศูนย์กลางของการเกิดแผ่นดินไหว แต่ก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนและได้รับผลกระทบพอสมควร ทำให้ในช่วง 3 วันที่ผ่านมาข่าวสารข้อมูลจำนวนมากได้ไหลเวียนอยู่ในสังคมไทย ทั้งในสื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์ และโลกโซเชียล ซึ่งบางข่าวสารก็ได้รับการพิสูจน์ข้อมูลความจริงจากภาครัฐไปแล้ว แต่ก็ยังมีข่าวสารอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรอง และเกิดจากการคาดเดา ทำให้หน่วยงานต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องจาก Real Sector ภาคส่วนธนาคาร ประกันภัย และการเงิน ได้มีการจัด”แถลงการณ์ร่วมภาคเศรษฐกิจจริงและระบบทางการเงิน จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว” เพื่อตอกย้ำความมั่นใจในข้อเท็จจริงต่างๆ

ผศ. ดร. ธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกร กล่าวว่า จากการตรวจสอบโครงสร้างอาคารที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมาของกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่รับหน้าที่ตรวจสอบอาคารสาธารณะ และกรุงเทพมหานคร ที่รับเรื่องงร้องเรียนจากชาวบ้านและเอกชนผ่าน Traffic Fondue โดยจำแนกออกเป็นสีด้านความปลอดภัย คือ สีเขียว เข้าใช้งานในบ้านหรืออาคารได้ สีเหลือง ต้องมีการซ่อมแซมเล็กน้อย และสีแดง ยังไม่มั่นใจในเรื่องของฐานราก โครงสร้างบางตัวอาจจะมีรอยร้าวอยู่ในภายใน จึงยังไม่สามารภเข้าไปใช้งานในตัวอาคารได้

โดยในส่วนของกรุงทพมหานคร ทางวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยและสภาวิศวกรได้ระดมจัดทีมวิศวกรอาษาจำนวน 2,600 คนเข้าไปช่วยตรวจสอบอาคารต่างๆ ซึ่งมีประชาชนส่งเรื่องร้องขอความช่วยเหลือเข้ามาที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ของกรุงเทพมหานครจนถึงวันที่ 30 มีนาคมประมาณ 13,000 ราย ในจำนวนนี้ได้เข้าไปตรวจสอบแล้วประมาณ 10,000 รายทั้งการตรววจสอบจากภาพถ่าย  และลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารสูง ส่วนในวันนี้จะมีการตรวจสอบในส่วนที่เหลืออีกกว่า 2,000 รายให้แล้วเสร็จ

อาคาร 2แห่งอยู่ในโซนสีแดงรอการตรวจสอบจากวุฒิวิศวกร

ทั้งนี้จากการตรวจสอบอาคารจำนวนกว่า 10,000 ราย พบว่า มีอาคาร 2แห่งอยู่ในโซนสีแดง ซึ่งจะต้องได้รับการตรวจสอบจากวุฒวิศวกรก่อน ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่จะอยู่ในโซนสีเขียว ที่สามารถกลับเข้าไปใช้งานได้ปกติ ขณะที่กรมโยธาธิการและผังเมืองก็ได้เข้าไปตรววจสอบอาคารโรงพยาบาล ซึ่งยังมีอาคารบางหลังอยู่ในโซนสีเหลือง

“อาคารสูงส่วนใหญ่ที่เห็นมีการโยกตัวในช่วงที่เกิดแผ่นดินไหวถือเป็นเรื่งปกติ เช่นเดียวกันกับการจับไม้บรรทัดแบบพลาสติกในแนวตั้ง เมื่อเราเอามือจับที่ปลายด้านล่างและมือเราสั่น ปลายไม้บรรทัดด้านบนก็แกว่งแล้ว แต่ไม้บรรทัดไม่หัก”

ขณะที่อาคารที่ออกแบบในปัจจุบันต้องดำเนินการอออกแบบและก่อสร้างให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดให้อาคารมีความเหนียว ดังนั้นเมื่อเวลาที่อาคารเกิดการโยกตัวจะเกิดรอยร้าวตรงรอยต่อระหว่างพื้นเข้าสู่คาน และเสา หากบริเวณข้อต่อเกิดอาการร้าวแสดงว่าอาคารนั้นอยู่ในโซนสีแดงแน่นอน ส่วนการเกิดผนังแตกถือเป็นเรื่องปกติ ขณะเดียวกัน ในปัจจุบันมีผู้ตรวจสอบอาคารประจำปีเข้าไปรวจสอบอาคารสูงต่างๆอยู่แล้ว ถือว่าเป็นการตรวจซ้ำอีกรอบ

ภาคการผลิตเริ่มเดินเครื่องจักรต่อตั้งแต่วันเสาร์ที่ 29 มี..

เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคการผลิตในหลายๆโรงงานจะมีระบบ Safety อยู่แล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์อาคารสั่นไหวก็จะหยุดการผลิต แต่เมื่อเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติก็จะเดินเคริ่งการผลิตต่อได้ทันที ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว โรงงานขนาดใหญ่และขนาดกลางก็จะมีเอ็นจิเนียร์หรือวิศวกรประจำโรงานเข้าไปตรวจสอบทั้งระบบตัวเครื่อง ระบบไฟฟ้า และความปลอดภัยภายในอาคาร ซึ่งในวันท่ 28 มีนาคมที่ผ่านมามีหลายโรงงานสามารถเปิดเดินเครื่องการผลิตตได้หลังเวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ส่วนโรงงานขนาดเล็ก ทางสภาอุตสาหกรรมฯได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยตรวจสอบ โดยสิ่งที่สภาอุตสาหกรรมฯมีความกังวลในเบื้องต้น คือ การจัดส่งท่อแก๊สในใต้ดินไปยังโรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งจากการตรวจสอบไม่มีสิ่งผิดปกติ รวมถึงความดันแก๊สที่จัดส่งไปยังโรงงานต่างๆ ทำให้ในวันนี้ทุกอย่างเข้าสู่โหมดภาวะปกติตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา รวมถึงการขนส่งวัตถุดิบต่างๆเข้าสู่โรงงาน ได้มีการตรวจสอบเส้นทางขนส่งทั้งทางเรือ ทางราง และทางด่วน รวมถึงทางอากาศไม่มีปัญหาเช่นกัน

“เหตการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทดสอบสำคัญของความมั่นคงในทุกด้านขอประเทศไทย ทั้งด้านการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ภาคการผลิต รวมถึงภาคการท่องเที่ยว ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก แต่ก็สามารถฟิเนตัวได้เร็ว และเป็นบทเรียนว่าโอกสในการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยมีแล้ว สิ่งที่ภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้างจะต้องมีการคำนึงถึง Factor ที่อาจจะต้องเพิ่มขึ้นในการรองรับความเสี่ยงเหล่านี้เข้าไป”

ระบบเบิกจ่าย-ชำระเงินเข้าสู่ภาวะปกติ

ดร. รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงวันที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหววันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา สิ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีคามห่วงกังวลคือ ระบบการชำระเงิน  ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และการบริการที่ให้กับบประชาชน ซึ่งทุกอยย่างเรียบร้อยยดี มีความติดขัดแค่ในเรื่องกายภาพ โดยบางธนาคารไม่สามารถทำธุรกรรมในอาคารได้สะดวก ธปท.จึงได้มีการยืดหยุ่นในการ Settlement ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ได้เปิดให้บริการได้ปกติทั้งระบบ Bath net พร้อมเพย์ และอินเตอร์เน็ต แบงก์กิ้ง มีแค่เพียงบางสาขาที่เข้าไปใช้อาคารไม่ได้ เช่น สาขาแพทย์ มช.

นอกจากนี้ธปท.ยังได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เป็นลูกหนี้ของสถาบันการงินที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เช่น การซ่อมสร้าง ซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย โดยได้กำชับให้ธนาคารพาณิชย์ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ ทั้งการลดค่างวดผ่อนชำระ การชำระชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิต การเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตเพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องงแบบฉุกเฉิน เป็นต้น

ประกันภัย-ประกันชีวิตพร้อมทุกขั้นตอนการเคลมสินไหมทดแทน

ชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า สำนักงาน คปภ.ได้แจ้งไปยังสมาคมประกันวินาศภัยไทย ประกันชีวิตไทย บริษัทประกันชีวิต และประกันวินาศภัยทุกบริษัทให้ทราบตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาในขั้นตอนการจ่ายสินไหมทดแทน และเตรียมความพร้อมในการรับมือหากมีการเบิกค่าสินไหมทดแทนเข้ามาให้รวดเร็วที่สุด โดยมีการเปิดศูนย์ฮอตไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้ประชาชนสามารถสอบถามเรื่องกรมธรรม์ขอตัวเองมีการคุ้มครองหรือไม่คุ้มครองเรื่องการเกิดแผ่นดินไหว อาคารมีรอยร้าวสามารถเบิกค่าสินไหมทดแทนและการเคลมประกันได้หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการเคลมประกันเกิดขึ้นเป็นเพียงขั้นตอนของการสอบถามข้อมูล

โพสที่เกี่ยวข้อง