จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศและเจ้าของห้องชุดที่อยู่บนอาคารสูง ทำให้หลังเกิดเหตุการ์ดังกล่าวได้เกิดคำถามมากมายด้านมาตรฐานความปลอดภัยของอาคารสูง แสนสิริร่วมกับพาร์ตเนอร์ระดับประเทศตลอดซัพพลายเชน เจาะลึกมาตรฐานงานก่อสร้างอาคารสูง มั่นใจการทำงานของผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทย
อุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทุกโครงการของแสนสิริได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวดโดยทีมวิศวกรแสนสิริ และพาร์ตเนอร์ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพจนครบทุกโครงการคอนโดมิเนียมที่พัฒนา ปัจจุบันได้ดำเนินการตรวจสอบไปตรวจแล้ว 186 โครงการ (ข้อมูล ณ 3 เมษายน 2568) เริ่มตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการส่งมอบ การสุ่มตรวจจากองค์กรภายนอก โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกโครงการของแสนสิริมีความแข็งแรงและปลอดภัยสูงสุด
โดยเมื่อปี 2560 บริษัทได้สนับสนุนสถาบันการศึกษาชั้นนำภาครัฐ ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหน่วยงานเอกชนบริษัทผู้ร่วมออกแบบชั้นนำ 8 แห่งร่วมจัดทำแนวทางปฏิบัติการออกแบบโครงสร้างในอาคารสูง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานให้แก่วิศวกรที่ได้รับการว่าจ้างจากแสนสิริในการออกแบบวิศวกรรมโครงสร้างและการตรวจสอบการคำนวณงานออกแบบดังกล่าว ให้มีแนวทางในการปฏิบัติงานเป็นที่ยอมรับร่วมกัน เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ผลของแรงแผ่นดินไหว แรงลม และการออกแบบฐานรากสำหรับอาคารสูงสอดคล้องตามมาตรฐานที่มีอยู่ในประเทศไทยและนำมาตรฐานในต่างประเทศมาอ้างอิงเพิ่มเติม ซึ่งได้มีการรีวิวและปรับปรุงให้สอดคล้องตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
ขณะที่กระบวนการก่อสร้างโครงการของแสนสิริจะผ่านการตรวจสอบทุกๆ ขั้นตอน โดยทีม Quality Control ตลอดจนกระบวนการทำงานประกอบไปด้วยภาคเอกชนที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรม ร่วมกันเช็คข้อมูลในแต่ละขั้นตอนเพื่อยืนยันว่าการออกแบบและก่อสร้างมีความแข็งแรงและปลอดภัยสอดคล้องตามข้อบังคับอาคารตามกฎกระทรวงปี 2550 ว่าด้วยการกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน และความคงทนของอาคาร, มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ที่ถูกกำหนดโดยสภาวิศวกร และมาตรฐานกรมโยธาธิการและผังเมือง 1301/1302 ซึ่งเป็นมาตรฐานการออกแบบโครงสร้างอาคารสูงของประเทศไทย
เสนอใช้วัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปช่วยรับแรงและเสียงได้ดี
ดร.วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีระบบตรวจสอบที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO 45001 (มาตรฐานสากลสำหรับระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย) และได้รับมาตรฐาน ISO 9001 (มาตรฐานบริหารงานคุณภาพระดับสากลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการคุณภาพองค์กร) นอกจากนี้ยังได้นำเทคโนโลยี BIM มาใช้ในการก่อสร้าง และ Applications ต่างๆ มาช่วยลดข้อผิดพลาดในการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้มาตรฐานการก่อสร้างในหลักการต้องอยู่ที่การออกแบบงานที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม รวมทั้งใช้วัสดุที่มีคุณภาพแข็งแรงปลอดภัยตามหลักวิชาการ ระบบการทำงานต้องมีคุณภาพและความปลอดภัยทุกขั้นตอนในการทำงาน โดยต้องตรวจสอบการทำงานทั้งหมด
ส่วนการพัฒนานวัตกรรมในวงการก่อสร้าง คือ ต้องการเห็นการใช้วัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปมากขึ้น เช่น ผนังน้ำหนักเบาโครงโลหะ ที่มีความแข็งแรงรับแรงและกันเสียงได้ดี ซึ่งเมื่อเกิดการแตกร้าว อาทิ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว จะสามารถซ่อมแซมได้ง่ายกว่าผนังปูน พร้อมกับต้องการให้ภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมด้านความปลอดภัยอย่างจริงจัง
จารุวัตร จีระมานะพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีระธนา ก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า อาคารทุกอาคารที่ก่อสร้างหลังปี 2550 กฎหมายได้ระบุให้มีมาตรฐานก่อสร้างรองรับเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทั้งนี้จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดจะพบว่า โครงสร้างอาคารส่วนใหญ่ในประเทศไทยไม่ได้รับความเสียหายรุนแรง จะมีแค่ส่วนประกอบของอาคารเสียหายบ้าง เช่น งานระบบ ผนัง ส่วนอาคารที่ถล่มลงมาต้องไปหาสาเหตุที่แท้จริง ถือเป็นความผิดปกติที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
“บริษัทจะทำทุกอย่างบนกระดาษ วิเคราะห์ก่อนทำงานจริง เวลาผิดพลาดจะผิดพลาดบนกระดาษสามารถแก้ไขได้ ไม่รอไปเจอปัญหาหน้างานแล้วค่อยแก้ เพราะความเสียหายจะสูงกว่ามาก มีการจัดลำดับการทำงานให้ถูกต้อง มีการอบรมพนักงานถึงข้อกำหนดคุณภาพงานให้ตรงกันทุก 6 เดือน และอยู่ระหว่างพัฒนาซอฟท์แวร์ เพื่อนำ AI มาใช้ตรวจสอบอุปกรณ์ก่อสร้าง คนที่อยู่ในวงการนี้ต้องสู้กันด้วยวิชาการ เทคโนโลยี ความเร็ว และคุณภาพ ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยการก่อสร้างไทย”
วรินทร์ ศรีมหาโชตะ กรรมการบริหาร บริษัทคอนสตรัคชั่นไลนส์ จำกัด กล่าวว่า หัวใจของการทำงานด้านมาตรฐานก่อสร้างของบริษัทตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมาจะยึดหลักการ “Plan Do Check Action” และการบริหารจัดการภายใต้มาตรฐาน ISO 9001 โดยบริษัทไม่ได้ก่อสร้างตามแบบก่อสร้างอย่างเดียว แต่จะดูว่าแบบที่ส่งมาให้ก่อสร้างนี้ถูกต้องหรือไม่ ถ้าแบบไม่ถูกต้อง ก็จะแจ้งไปทางเจ้าของโครงการทันที ภายใต้หลักการทำงาน Plan Do Check Action เพื่อปิดความเสี่ยง เพราะเมื่อปัญหาขึ้นแล้วจะไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้
นอกจากนี้ยังได้เสนอแนะให้นำนวัตกรรมก่อสร้างมาใช้ให้มากขึ้น เพื่อสร้างความปลอดภัย คือ การลงทุนระบบ Formwork System หรือนั่งร้านอลูมิเนียมที่มีระบบล็อกทั้งตัวตึกเข้าด้วยกัน ป้องกันการถล่มของนั่งร้าน ซึ่งบริษัทได้ใช้นวัตกรรมนี้มาแล้วกว่า 5 ปี ที่สำคัญทุกโครงการก่อสร้างควรมีบุคคลที่สามเข้ามาตรวจสอบ และทำทุกอย่างตามมาตรฐาน รวมถึงต้องมีการทวนสอบการออกแบบว่าแข็งแรงปลอดภัยดีหรือไม่
กฤษฎา แท้ประสาทสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอินฟรา กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีความเชี่ยวชาญงานอาคารสูง เกี่ยวกับแรงลมแผ่นดินไหว มีผลงานออกแบบ และการตรวจสอบอาคารที่มีปัญหา โดยบทเรียนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ ในแง่มาตรฐานและคุณภาพงานออกแบบก่อสร้าง เห็นว่า ในกรณีของอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างถล่มลงมานั้น มีเความผิดปกติค่อนข้างมาก เนื่องจากแม้อาคารรุ่นเก่าที่ไม่ได้ออกแบบเพื่อรองรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในไทย ยังไม่มีอาคารใดถล่มลงมา ในความเห็นส่วนตัวมองว่า อาคารถล่มที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากสภาวะไม่ดีหลายอย่าง (Bad Conditions) มาประกอบกัน ที่ไม่สามารถนำมาเหมารวมกับอาคารที่เหลือทั้งหมดได้ เป็นกรณีศึกษาที่กรรมการตรวจสอบควรเปิดเผยความจริงทั้งหมดเพื่อให้วิศวกร ผู้ประกอบการ ผู้ควบคุมงาน รวมถึงผู้รับเหมา ได้เข้าใจว่าเหตุใดจึงทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้
ทั้งนี้การออกแบบที่ดี ต้องมีผู้รับเหมาผู้ควบคุมงานที่ดี รวมทั้งเจ้าของโครงการที่เข้าใจสนับสนุน เพราะจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสิ่งที่ต้องคำนึงคือวัสดุก่อสร้างโดยเฉพาะเหล็กและคอนกรีตต้องได้มาตรฐานคุณภาพ โดยควรมีการสุ่มตรวจคุณภาพหน้างาน ไม่สุ่มตรวจเฉพาะในห้องปฏิบัติการเท่านั้น เนื่องจากพบหลายกรณีวัสดุก่อสร้างหน้างานไม่ได้คุณภาพเท่ากับที่ตรวจในห้องปฏิบัติการ
จรรยา สว่างจิตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทพี.โอเวอร์ซีส์ สตีล จำกัด (มหาชน) สินค้าเหล็กเส้นที่บริษัทจำหน่ายให้กับแสนสิริจะถูกผลิตด้วยกระบวนการ EF (Electronic Arc Furnace) ซึ่งเป็นกระบวนการหลอมเศษเหล็กด้วยวิธีการอาร์คด้วยไฟฟ้า ทำให้เหล็กเส้นจะสะอาดกว่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าวิธี IF (Induction Furnace) ซึ่งเป็นเตาระบบเก่า ไม่สามารถควบคุมคุณภาพของเหล็กได้อย่างสม่ำเสมอ และยังเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
ด้านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพวัสดุโดยเฉพาะเหล็กโครงสร้าง ทางโรงงานที่บริษัทเลือกจำหน่าย จะมีการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าก่อนส่งมอบที่หน้างาน และทางแสนสิริจะทดสอบเหล็กตัวอย่างจากสถาบันกลางเป็นรายไตรมาสตาม TOR โดยมาตรฐานเหล็กในโครงการของแสนสิริ จะเป็นเหล็ก EF ที่ควบคุมคุณภาพการผลิตได้อย่างสม่ำเสมอ
นวัตกรรมตรวจจับแผ่นดินไหวในลิฟต์โดยสารยกระดับความปลอดภัย
เพ็ญไพสิฐ จันทร์พรม กรรมการผู้จัดการ บริษัทโคเน่ จำกัด (มหาชน) ผู้จำหน่ายลิฟต์ บันไดเลื่อนและทางเลื่อนอัตโนมัติ กล่าวว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น บริษัทได้ส่งทีมช่างและวิศวกรลงพื้นที่ทันที เพื่อให้ลิฟต์กลับมาใช้งานได้เร็วที่สุด รวมถึงโครงการของแสนสิริ ด้วยการได้นำแผนงาน 3Rs มาใช้กับการปฏิบัติงาน โดย Recover ฟื้นฟูลิฟต์อย่างน้อยหนึ่งตัวในอาคารให้สามารถใช้งานได้ภายใน 48 ชั่วโมงแรก,Repair ดำเนินการตรวจสอบเชิงลึก เปลี่ยนอุปกรณ์ และซ่อมแซมอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าลิฟต์โดยสารทุกตัวปลอดภัยสำหรับการใช้งานอย่างต่อเนื่อง และ Rebuild อัปเกรดและปรับปรุงลิฟต์โดยสาร เพื่อลดความเสียหายระยะยาวในอนาคต และเพิ่มความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรองรับฟังก์ชันการตรวจจับความปลอดภัยจากแผ่นดินไหว และการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
นอกจากนี้บริษัทยังได้นำเทคโนโลยีตรวจจับแผ่นดินไหวในลิฟต์โดยสารมาใช้ ช่วยยกระดับความปลอดภัย และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อเหตุฉุกเฉินในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเซ็นเซอร์นี้จะตรวจจับการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว และช่วยหยุดลิฟต์อัตโนมัติพร้อมกับเดินทางไปยังชั้นที่ใกล้ที่สุด เพื่อให้ผู้โดยสารออกจากลิฟต์ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งนวัตกรรมนี้สามารถทำได้ทั้งในอาคารก่อสร้างใหม่ และสามารถปรับปรุงลิฟต์โดยสารในโครงการที่มีอยู่เดิมเพื่อให้รองรับบริการนี้ได้เช่นกัน