จระเข้ คอร์ปอเรชั่น ก้าวลุยสู้ Net Zero เผยวิสัยทัศน์ในงานสถาปนิกปี’68

จระเข้ คอร์ปอเรชั่น เปิดเป้าหมาย Net Zero ครั้งแรก! มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และปล่อยก๊าชเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065 กางแผนเพิ่มไลน์อัป Green Products จากสินค้าทั้งหมด คาดปี 68 เติบโต 10% พร้อมนำนวัตกรรมก่อสร้างคุณภาพจากเมืองไทยรุกตลาดต่างประเทศเต็มสูบ สัมผัส JORAKAY PAVILION ในงานสถาปนิก’68 วันที่ 29 เม.ย. – 4 พ.ค. 68 ภายใต้คอนเซปต์ “Build Today, Beyond Tomorrow”

ศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของจระเข้ ยังคงเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนวที่ครองมาร์เก็ตแชร์มากกว่า 50% มายาวนาน ทั้งนี้ตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนวในประเทศปี 2567 มีมูลค่า 4,400 ล้านบาท และเรายังคงโตต่ออย่างแข็งแกร่งด้วยตัวแทนจำหน่ายในไทยและต่างประเทศกว่า 3,000 แห่ง

“ในปี 2567 จระเข้ทำยอดขายเติบโต 6% ในขณะที่สภาพตลาดโดยรวมหดตัว -2% ถึง -3% จากข้อมูลโดย Krungsri Research สะท้อนถึงความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้า ปัจจุบันสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ปูกระเบื้อง เติบโตสูงถึง 5% คิดเป็นสัดส่วนการขายแบ่งเป็น 70%, กลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้าง เติบโตสูงถึง 15% คิดเป็นสัดส่วนการขายแบ่งเป็น 20% และสีจระเข้ ที่เติบโตสูงถึง 35% โดยคิดเป็นสัดส่วนการขาย ครอบคลุมกลุ่มสีจระเข้ และกลุ่มวัสดุตกแต่ง เครื่องมือ และน้ำยา ที่ 10%” 

ในปี 2568 เราตั้งเป้าเติบโต 10% แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 90% และตลาดต่างประเทศ 10% โดยเน้นการขยายพอร์ตกลุ่มสินค้าเคมีก่อสร้างและกลุ่มสีทาอาคารภายในและภายนอก SEE JORAKAY ทำการตลาดให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เสริมช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในไทยและต่างประเทศผ่านร้านค้ากว่า 3,000 แห่งและแพลตฟอร์มออนไลน์ และขยายตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะใน CLMV

ดร.จิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาวุโส บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เล่าว่าบริษัทก้าวสู่ปีที่ 33 ภายใต้วิสัยทัศน์ “Sustainable Building Innovation” โดยยังคงมุ่งเน้นการยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แนวคิด Jorakay Innovation & Expert Solution โดยใช้อินไซต์จากตลาดมาประกอบกับการวิจัยและพัฒนา ด้านแนวโน้มตลาดวัสดุก่อสร้างไทยในปี 2568 ตามข้อมูลจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) มีสัญญาณการฟื้นตัวจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน คาดว่าการก่อสร้างภาครัฐในปี 68 จะขยายตัว 3% แตะระดับ 856,000 ล้านบาท ขณะที่ภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 1% มาอยู่ที่ 586,000 ล้านบาท คาดว่าความต้องการวัสดุก่อสร้างจะเติบโต 4-5% จากแรงหนุนของโครงการรถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ รวมถึงการรีโนเวทซ่อมแซมที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว

ด้านการขยายตลาดต่างประเทศในกลุ่มประเทศ CLMV มีศักยภาพการเติบโตสูงจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การขยายตัวของภาคอสังหาฯ และความต้องการวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศราว 10% และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 15% ภายใน 2 ปีข้างหน้า ผ่านกลยุทธ์สร้างพันธมิตรท้องถิ่นและปรับผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับบริบทแต่ละประเทศ

จระเข้ มุ่งขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมก่อสร้างที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก   

1. Core Market Reinforcement เสริมแกร่งในตลาดในประเทศโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน และพัฒนาโปรเจกต์ร่วมกับดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่

2. Innovation-Led Portfolio Expansion เพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์เทรนด์ Well-being & Green Living โดยตั้งเป้าให้สินค้านวัตกรรมมีสัดส่วน 30% ภายใน 3 ปี

3. Regional Growth Acceleration มุ่งขยายฐานรายได้ในตลาด CLMV โดยตั้งเป้ารายได้ต่างประเทศ 15% ภายในปี 2570

4. Brand Trust & Sustainability Positioning ยกระดับเป็น Purpose-Driven Brand ที่ผู้บริโภคเชื่อถือในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืน

ล่าสุด จระเข้ ได้ประกาศหมุดหมายสำคัญสู่ Net Zero เป็นครั้งแรก มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และจะเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 ภายใต้กรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Jorakay Sustainability Framework) ที่มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมคุณภาพชีวิต ผ่านหลัก 3P คือ Green Process (เราอยู่ได้), Green Planet (โลกอยู่ดี) และ Green People (สังคมมีสุข) พร้อมขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ 5SD ที่ครอบคลุมตั้งแต่การลดการปล่อย CO2 โดยปัจจุบันจระเข้มียอดขายสินค้ากลุ่ม Green Products สูงถึง 63% จากสินค้าทั้งหมด

 

วรพจน์ ตั้งมนัสวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ธีมการนำเสนอของจระเข้ในปีนี้คือ ‘Build Today, Beyond Tomorrow : ที่สุดของนวัตกรรม เพื่อพรุ่งนี้ที่ยั่งยืนกว่า’ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมที่คำนึงถึงเจเนอเรชันต่อไปในอนาคต ที่ JORAKAY PAVILION ผู้เข้าชมงานจะพบกับ 6 โซนนวัตกรรม ได้แก่ FLOORING INNOVATION นวัตกรรมงานพื้นผิวที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความทนทาน, STRUCTURE INNOVATION นวัตกรรมโครงสร้างที่ใช้วัสดุคุณภาพสูง ลดระยะเวลาก่อสร้าง, TILING INNOVATION ผู้นำนวัตกรรมการปูกระเบื้อง ยืนหนึ่งสู่ความยั่งยืน ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์สำคัญ คือการสาธิตให้เห็นผลลัพธ์ของ นวัตกรรม Dustless Technology ที่ลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นได้มากถึง 80%, WATER PROOF INNOVATION นวัตกรรมสำหรับงานกันซึม จบปัญหารั่วซึมทุกจุด ตั้งแต่ฐานรากไปจนถึงดาดฟ้า หลังคา, SEE JORAKAY สีปลอดภัยที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมสีสุดล้ำ Metallic Loft และ Stone Decor ตัวใหม่ล่าสุดในงาน รวมถึง โซน “Beyond Tomorrow” ที่นำเสนอ “JORAKAY SUSTAINABILITY FRAMEWORK”แนวคิดเพื่อความยั่งยืน สนับสนุนการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรม Jorakay Expert Talk เวทีทอล์กจากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายวงการ ทั้งก่อสร้าง นักออกแบบ สถาปนิก และผู้ใช้งานจริง มาแชร์วิสัยทัศน์และแนวทางสร้างสรรค์เมืองเพื่ออนาคต มั่นใจว่าผู้ที่เยี่ยมชม จะได้แรงบันดาลใจใหม่ๆ ด้านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ทั้งปลอดภัยต่อชีวิตและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พบกันที่ JORAKAY PAVILION ในงานสถาปนิก’68 ระหว่างวันที่ 29 เมษายน – 4 พฤษภาคม 2568 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

โพสที่เกี่ยวข้อง