อิเกีย ประเทศไทย ประกาศความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนความยั่งยืนผ่าน 3 หลักการดำเนินงานหลัก ได้แก่ สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน, การหมุนเวียนทรัพยากรและใส่ใจสิ่งแวดล้อม และความเท่าเทียม โดยมุ่งมั่นทำให้สินค้าและบริการที่ยั่งยืนเป็นทางเลือกที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ พร้อมพัฒนาแนวทางดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียมและครอบคลุมแก่พนักงานและชุมชนโดยรอบ
คณิศร์ อุนจะนำ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ อิเกีย ประเทศไทย กล่าวว่า อิเกียมุ่งมั่นที่จะสร้างผลกระทบที่ดีต่อโลก ตั้งแต่ชุมชนที่เรานำวัตถุดิบมาใช้ ไปจนถึงวิธีสร้างสรรค์สินค้าและบริการซึ่งจะช่วยให้คนไทยมีแรงบันดาลใจและใช้ชีวิตได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น เข้าถึงได้ง่ายกับทุกคน เน้นความคุ้มค่าด้านการใช้พลังงาน การใช้น้ำ และอายุการใช้งานที่ยาวนาน พร้อมยกระดับมาตรฐานใหม่ของการพัฒนาสถานที่การดำเนินงานอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังใส่ใจถึงความเท่าเทียม สนับสนุนความหลากหลายและการมีส่วนร่วมในทุกมิติของการดำเนินงาน และสร้างโอกาสที่มีคุณค่าให้กับทุกคนอย่างทั่วถึง
อิเกียดำเนินงานด้านความยั่งยืนผ่าน 3 หัวข้อหลัก ได้แก่ สินค้า (Product) การดำเนินงานและสถานที่ (Place) และผู้คน (People) โดยมุ่งพัฒนาสินค้า อาทิ เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน และอาหาร ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ ควบคู่ไปกับการพัฒนาการดำเนินงานสถานที่ให้รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ที่มีส่วนร่วมกับชุมชน ทั้งนี้ยังให้ความสำคัญกับการดูแลคุณภาพชีวิตของพนักงานและชุมชนโดยรอบ
อิเกียให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้า (Product) ที่ส่งเสริมการใช้ชีวิตที่ดีละยั่งยืน ภายใต้หลักการ Democratic Design ซึ่งให้ความสำคัญกับรูปทรง การใช้งาน คุณภาพ ราคาที่เหมาะสม และความยั่งยืน โดยสินค้าของอิเกียได้รับการออกแบบโดยใช้วัสดุที่ทนทานหรือรีไซเคิลได้ และสนับสนุนการใช้พลังงานและน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ อิเกียยังมีการพัฒนาอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น การเพิ่มตัวเลือกเมนูอาหารจากพืช (plant-based) ในร้านอาหารอิเกีย โดยปัจจุบัน 50% ของเมนูหลักเป็นอาหารจากพืช เช่น แพลนต์บอล แซลมอนที่ได้รับการรับรองจาก Aquaculture Stewardship Council และกาแฟ ช็อกโกแล็ตที่ได้รับการรับรองจาก Rainforest Alliance และ UTZ
การพัฒนาการดำเนินงานและสถานที่ (Place) ให้สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่สามารถหมุนเวียนได้ ล่าสุด อิเกียได้ลงทุนกว่า 25 ล้านบาทในการขยายระบบโซลาร์รูฟท็อปที่ อิเกีย บางนา โดยสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 2,890 เมกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1,152 เมตริกตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ประมาณ 19,000 ต้นต่อปี ส่งผลให้สัดส่วนของพลังงานไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียนของสโตร์เพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 35% โดยอิเกียยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนขอด้านพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมในประเทศไทยในอนาคตอย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกัน อิเกียยังคงเดินหน้าขยายการใช้รถขนส่งสินค้าไฟฟ้า (EV) เพื่อลดมลพิษและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการจัดส่ง ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท เอ็ม-เวิลด์ โลจิสติกส์ และในเดือนพฤษภาคม 2568 อิเกียร่วมกับพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ Mober เปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้ากว่า 20 คันในเขตกรุงเทพฯ พร้อมตั้งเป้าเพิ่มเป็น 30 คันภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้การจัดส่งภายในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างน้อย 40% ดำเนินการด้วยรถ EV ภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้สูงสุดถึง 87% ต่อกิโลเมตร คิดเป็นประมาณ 950 เมตริกตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการขับรถจากภูเก็ตไปเชียงใหม่กว่า 6,000 เที่ยว อิเกีย ประเทศไทย ยังตั้งเป้าขยายสัดส่วนการจัดส่งด้วยรถ EV ให้ถึง 70% ภายในปี 2573 ทั่วประเทศ โดยอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ในการขับเคลื่อนระบบขนส่งคาร์บอนต่ำ
นอกจากนี้ อิเกียยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดูแลผู้คนและโลกใบนี้ (Caring for people and planet) โดยค่านิยมดังกล่าวถูกฝังอยู่ในทุกกระบวนการดำเนินงานขององค์กร อิเกียส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลายและครอบคลุม สนับสนุนพนักงานด้วยสวัสดิการที่ครอบคลุมรอบด้าน พร้อมจัดหาแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความรู้และความเข้าใจของพนักงานให้ทันสมัยอยู่เสมอ นอกจากนี้ อิเกียยังส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคมผ่านโครงการ “Social Day” และยังร่วมมือกับมูลนิธิและชุมชนต่างๆอย่างต่อเนื่อง