ก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความโดดเด่นด้านการนำเสนอแนวคิดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมกับการพัฒนานวัตกรรมการออกแบบใหม่ ๆ มาใช้ในการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง สำหรับกลุ่มนายณ์ เอสเตท หนึ่งในดีเวลอปเปอร์นอกตลาดมหาชนที่กล้าฉีกกรอบ เลือกที่จะแตกต่างจนสามารถโลดแล่นอยู่ในวงการอสังหาฯมากว่าทศวรรษและกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 12 ในเดือนกรกรฎาคมนี้
สุธี ลิมปนชัยพรกุล ประธานอำนวยการ บริษัทนายณ์ เอสเตท จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ Position ของตัวเองว่าเป็น “Boutique Developer” ที่เน้นการพัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด Breaking New Ground เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ที่แตกต่างของการอยู่อาศัยให้กับกลุ่มคนซื้อบ้าน ภายใต้กรอบแนวคิด 4 แกนหลัก คือ โปรดักต์ดีไซน์ที่แตกต่าง,การบริการหลังการขาย,sustainability และ Well Being การสร้างสุขภาวะที่ดีของการอยู่อาศัย
โดยในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมามีพอร์ตการลงทุนครอบคลุมทั้งอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย อาคารสำนักงานให้เช่า และ senior living อาทิ โครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use) โครงการที่พักอาศัยสำหรับวัยเกษียณ รวมถึงคอนโดมิเนียมไฮไรส์และโลว์ไรส์ คลัสเตอร์โฮม ทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว และบ้านพักตากอากาศ
ส่วนโปรเจ็กต์ไฮไลท์ที่สร้างการจดจำในแบรนด์สินค้าและบริษัท คือ บ้านเดี่ยว 3 ชั้นระดับ Super Luxury โครงการพาร์ค พรีวา บนถนนเทียมร่วมมิตร ราคา 40-50 ล้านบาท และโครงการควอเตอร์ ทองหล่อ ราคา 80 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันทั้ง2โปรเจ็กต์ปิดการขายไปหมดแล้ว
นอกจากนี้ยังได้ขยายฐานลูกค้ามาเจาะตลาดทาวน์โฮมกลางเมืองในย่านสุขุมวิท ซึ่งมีราคาที่ดินต่อตารางวาแพงมากและเป็นทำเลหลักของตลาดคอนโดมิเนียมทั้งไฮไรส์และโลว์ไรส์ ด้วยการเปิดตัว”แบรนด์ควอเตอร์”อีก 2โครงการในซอยสุขุมวิท 31 และสุขุมวิท 39 ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากคนที่ต้องการมีบ้านอยู่ในย่านซีบีดีและกลุ่มคนที่มีคอนโดฯในเมืองอยู่แล้ว โดยได้ออกแบบโครงการให้มีลักษณะเป็นรีสอร์ตกลางเมืองที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ และสระว่ายน้ำ พร้อมออกแบบให้ที่จอดรถด้านหน้าบ้านไปอยู่ที่ชั้นใต้ดินทุกยูนิต รวมถึงลานซักล้างและครัวไทย ส่วนชั้น 1จะเป็นพื้นที่ Living Room และ Dining Room
โดยเฉพาะโครงการควอเตอร์ สุขุมวิท 31 ออกแบบเป็นคลัสเตอร์โฮม 4-5 ห้องนอนที่คำนึงถึงสมาชิกทุกคนในครอบครัว เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิต ตั้งแต่ลิฟต์โดยสารส่วนตัว ตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-In Closet ครัวจาก Poggenpohl ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกระดับท็อปคลาสมากมาย
ส่วนการลงทุนในตลาดคอนโดฯ ได้มีการเปิดตัวโครงการระดับ Hi-End Luxury บนถนนสุขุมวิท 26 ภายใต้ชื่อแบรนด์ KRAAM ซึ่งได้นำแนวคิดการอาศัยอยู่ในบ้านมาไว้ในคอนโดฯในรูปแบบ “Luxury Home-Like Condominium” ด้วยการออกแบบให้ภายในอาคารให้มีช่องลม เพื่อรับลมธรรมชาติเข้าสู่ตัวอาคาร รวมทั้งวาง Plan ห้องให้ผนังห้องแยกจากกันในแต่ละยูนิต พร้อมพื้นที่ Yard เอนกประสงค์เปิดรับลมจากภายนอก ห้องเก็บของใช้ส่วนตัวและที่จอดรถแบบ Fix ห้อง
พาร์ค สีลม อาคารสำนักงานและร้านค้าเชิงพาณิชย์เกรด A ยอดเช่า80%
ด้านอสังหาฯเพื่อเช่า ได้มีการเปิดตัวอาคารสำนักงาน 2 โครงการ คือ ปัน พระราม 4 ออฟฟิศแนวคิดใหม่สูง 28 ชั้น ภายใต้คอนเซปท์ CO-GROWING SPACE พื้นที่การทำงานที่ให้ความเป็นส่วนตัว ราคาค่าเช่า 850 บาทต่อตารางเมตร ปัจจุบันมียอดเช่าพื้นที่แล้ว 50%
และอาคารพาร์ค สีลม อาคารสำนักงานและร้านค้าเชิงพาณิชย์ (Mixed-use) เกรด A ใจกลางถนนสีลม ติดถนนซอยคอนแวนต์และรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดง ออกแบบภายใต้แนวคิด New Breed of Silom ซึ่งเป็นที่ดินเดิมเป็นของ “บ้านสิวะดล” ของตระกูลสีบุญเรือง จึงได้นำสถาปัตยกรรมของบ้านเดิม ไม่ว่าจะเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง เฉลียงหน้าบ้าน มาใช้ในอาคารด้วย พร้อมพื้นที่สวนหย่อมด้านหน้าโครงการขนาดกว่า 1ไร่
บนพื้นที่กว่า 6 ไร่ ออกแบบเป็นอาคารสูง 39 ชั้น แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ คอมมูนิตี้มอลล์บริเวณชั้นล่างครอบคลุมบริเวณอาคารทั้งหมด 5 ชั้น และส่วนอาคารสำนักงานและ co-working space รวมพื้นที่ให้เช่ากว่า 65,000 ตารางเมตร หรือกว่า 2,000 ตารางเมตรต่อชั้น โดยคิดอัตราค่าเช่า 1,200-1,400 บาทต่อตารางเมตร ปัจจุบันมียอดเช่าพื้นที่แล้ว 80%
นอกจากนี้ยังได้ขยายการลงทุนไปเจาะตลาด Senior Living ด้วยการร่วมทุนกับกลุ่มเมืองไทยประกันชีวิต เปิดตัวโครงการนายา เรสซิเด้นซ์ ตั้งอยู่บนถนนพิบูลสงคราม จังหวัดนนทบุรี ตอบโจทย์ชีวิตวัยเกษียณ มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 70 ยูนิตแบบ 1และ 2ห้องนอน โดยมี”ลิฟเวล เป็นผู้ให้บริการ CARE & CLUB ประกอบด้วย ลิฟเวล แคร์ ห้องบริการสุขภาพโดยพยาบาลวิชาชีพและนักกายภาพวิชาชีพตลอด 24 ชั่วโมง,ลิฟเวล คลับ ห้องกิจกรรมนันทนาการและผ่อนคลาย และลิฟเวล ฟิต ห้องออกกำลังกายเพื่อวัยอิสระโดยเฉพาะ
ตอกย้ำความเป็น Boutique Developer เปิดบ้านเดี่ยวเริ่มต้น 30 ล้านบาท
ล่าสุดกลุ่มนายณ์ เอสเตทได้ต่อยอดความสำเร็จจากการเปิดตัวโปรเจ็กต์ ควอเตอร์ สุขมวิท 31 และสุขุมวิท 39 เปิดตัวบ้านเดี่ยวทำเลแรร์ไอเทม ‘งามวงศ์วาน’ พร้อมด้วยแบรนด์ใหม่ ‘ไอรา เรซสิเดนซ์ งามวงศ์วาน’ ในคอนเซ็ปต์ทรอปิคอล โมเดิร์นสไตล์ สังคมส่วนตัวแค่ 24 ยูนิต บนที่ดินขนาด 7 ไร่ แต่มีสัดส่วนพื้นที่สีเขียวมากถึง 15% ของพื้นที่ทั้งหมด
ออกแบบเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดพื้นที่ใช้สอย 410 และ 380 ตารางเมตร แบ่งขายแบ่งออกเป็น 2 เฟส ราคาขายเริ่มต้น 30 ล้านบาท โดยเปิดขายเฟสแรกก่อน 12ยูนิต คาดว่าจะสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ได้ในช่วงปลายปี 2568
ทั้งนี้โครงการได้ผ่านการทำ Design Thinking เพื่อสร้างนิยามใหม่ของการใช้ชีวิตในทำเลเมืองของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จนได้มีการพัฒนาให้เป็นโครงการบ้านที่พร้อมสำหรับการพักผ่อน สวนขนาดใหญ่ และอากาศที่บริสุทธิ์ ที่ออกแบบโดยนักออกแบบแนวหน้าของวงการ ประภาพร บำรุงไทย กรรมการบริหาร และสถาปนิก พร้อมด้วย ชัชนิล ซัง กรรมการบริหาร และ Landscape Studio Director จากบริษัทสถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม อาศรมศิลป์ จำกัด ให้เป็น A NEW ERA OF URBAN LIVING EXPERIENCES อย่างแท้จริง โดยออกแบบตัวบ้านเป็น Double front courtyard house มีพื้นที่สวนส่วนกลางระหว่างบ้าน ทำหน้าที่ connect ระหว่างผู้อยู่อาศัยกับธรรมชาติ และเป็นพื้นที่รองรับกิจกรรมสำหรับคนในครอบครัว รวมถึงสัตว์เลี้ยง
ส่วนพื้นที่ใช้สอยภายในตัวบ้านแบ่งเป็น Inner Courtyard / Pocket Garden ที่เชื่อมต่อจากสวนส่วนกลาง เข้ามาภายในบ้าน, Room with a view เพิ่มการมองเห็นสวนได้จากหลายมุมของบ้าน เปิดรับแสงและลมธรรมชาติ แยกพื้นที่ชัดเจนระหว่าง Guest / Maid / Private Zone พื้นที่นั่งเล่นของครอบครัวและเพื่อนสนิทที่บริเวณชั้น 2 แยกจากพื้นที่รับแขกที่ชั้น 1 และ Maid Zone ที่แยกออกจากพื้นที่ส่วนกลางภายในบ้านอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังได้วางผังให้ทั้งโครงการเป็น Green community ทำให้บ้านจำนวน 2 ใน 3 เชื่อมต่อกับสวนส่วนกลางโดยตรง เพิ่มการมองเห็นพื้นที่สีเขียวส่วนกลางที่ร่มรื่นจากตัวบ้าน
ขณะที่การออกแบบสวนส่วนกลางให้มีพื้นที่ใช้งานทั้งแบบ passive และ active กระจายอยู่ทั้งสองสวน พร้อมวางผังตัวบ้านในแนวทิศเหนือใต้ เพื่อช่วยหลบแดดทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เปิดรับลมธรรมชาติจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศใต้
โดยพื้นที่ส่วนกลางออกแบบรองรับ Universal design และสามารถเชื่อมต่อได้จากบ้านทุกหลัง มีพื้นที่นั่งริมน้ำที่ที่มองเห็นการเคลื่อนไหวของปลาคร้าป รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ พร้อมพื้นที่ Pet-Friendly Zone สามารถพาสัตว์เลี้ยงมาทำกิจกรรมในสวนได้ โดยมีประตูรั้วและแนวไม้พุ่มแบ่งแยกจากส่วนอื่นชัดเจน
ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยงามวงศ์วาน 6 ห่างจากเดอะมอลล์งามวงศ์วานประมาณ 1.5 กิโลเมตร และใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนประมาณ 900 เมตร* สามารถเดินทางเข้าสู่ย่านใจกลางเมืองได้อย่างสะดวกสบาย โดยที่ไม่ต้องออกมาสู่ถนนเส้นหลักงามวงศ์วาน