มั่นคงเคหะการ ชิงโอกาสเติบโตทางธุรกิจ เบนเข็มสู่การพัฒนา “อสังหาฯเพื่อการอุตสาหกรรม” เต็มตัว นับถอยหลัง 3 ปี จารึกชื่อ “ผู้พัฒนาอสังหาฯเพื่อขาย”

หมู่บ้านชวนชื่น ครั้งหนึ่งเคยสร้างชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่รู้จักของหลายคน ซึ่งเป็นผลงานการพัฒนาของ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 60 ปี ในการพัฒนาบ้านจัดสรร ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ต่อจากนี้ไปนับถอยหลังเพียง 2 – 3 ปี สิ้นสุดบทบาท “ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย

เบนเข็มสู่ธุรกิจ อสังหาฯเพื่อการอุตสาหกรรม ปรับโครงสร้างใหม่ รองรับการเติบโต

หลังจากมีการปรับโครงสร้างของ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK ไปเมื่อช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา โดยเข้าถือหุ้นใน บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ PD 100% กลุ่มธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า ส่งผลให้มีการเบนเข็มในการพัฒนาธุรกิจ ด้วยการวางทิศทางการดำเนินงานใหม่ ชูธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมเป็นธุรกิจหลัก โดยในปีที่ผ่านมา PD มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 47% ของรายได้รวมของกลุ่ม MK และสร้างสัดส่วนกำไรขั้นต้นคิดเป็น 54%

วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จะกลายเป็น เรือธงสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้ประจำของกลุ่ม MK โดยเฉพาะในยุคที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยแนวราบเผชิญความท้าทาย การปรับโครงสร้างบริษัทจึงเป็นการวางรากฐานใหม่ เพื่อให้กลุ่ม MK สามารถเติบโตมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว โดยมองเห็นโอกาสการเติบโตตั้งแต่ปี 2558 เพื่อสร้าง Recurring Income รวมทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงในพอร์ต และสร้าง New S-Curve

สำหรับ ธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ที่พัฒนาภายใต้ชื่อของ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) นั้น บริษัทไม่ได้ซื้อที่ดินเพิ่มเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี แล้ว ปัจจุบันยังมีสินค้าบ้านรอการขายอีกประมาณ 2,900 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี ในการระบายสินค้าหมด และยังมีที่ดินรอขายอีก 1 แปลง มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท พร้อมเปิดเจรจาหากมีคนสนใจ ซึ่งไม่คิดที่จะพัฒนาโครงการใหม่เพิ่ม ด้วยปัจจัยจากต้นทุนสูงและองค์ประกอบต่างๆ เลือกจะขายและนำเงินไปลงทุนใน พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งคุ้มค่ามากกว่า และจะมีการปรับโครงสร้างใหม่อีกครั้ง

“เรามองเห็นโอกาสตั้งแต่ปี 2558 จึงได้เริ่มลงทุนใน พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ การเริ่มได้ถูกเวลา และมาถูกทาง จะสร้างการเติบโตให้เกิดขึ้นกับบริษัท ผลลัพธ์เห็นได้จาก รายได้ในปี 2567 ที่ผ่านมา PD มีรายได้รวมอยู่ที่ 898 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการเช่าและบริการ 485 ล้านบาท สัดส่วนรายได้จากการเช่าเติบโตถึง 21% จากปีก่อนหน้า ปัจจุบันได้ต่อยอดธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า จากจุดเริ่มต้นที่มีเพียง 1 โครงการ สู่ 9 โครงการบนทำเลศักยภาพ” วรสิทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ของ PD จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นเสาหลักที่สร้าง New S-Curve ทางธุรกิจ ด้วยการครองความเป็นผู้นำธุรกิจคลังสินค้า-โรงงานให้เช่า พื้นที่ Free Zone ของไทย และล่าสุดกับการขยายสู่ธุรกิจใหม่นิคมอุตสาหกรรม

เดินเกมต่อยอดธุรกิจ ทุ่ม 6,500 ล้านบาท พัฒนานิคมอุตสาหกรรมบางปะกง บนพื้นที่ 1,000 ไร่

การสยายปีกครั้งนี้ ตอกย้ำว่า พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ไม่ได้เชี่ยวชาญเพียงแค่การพัฒนาพื้นที่เขตประกอบการอุตสาหกรรมเพื่อเช่า แต่สามารถพัฒนาพื้นที่เชิงอุตสาหกรรมได้หลากหลายรูปแบบ ขยายขอบข่ายความสำเร็จของโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน (BFTZ) ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชั้นนำ ยกระดับสู่การพัฒนานิคมอุตสาหกรรม เพื่อตอบโจทย์การลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ

รัชนี มหัตเดชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาและบริหาร โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน เปิดเผยว่า การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมบางปะกง นับเป็นก้าวสำคัญของ PD ในการต่อยอดศักยภาพ และสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติด้านเศรษฐกิจและการลงทุน โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่กำลังเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก จะดำเนินการภายใต้ความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 7 กลุ่ม เช่น อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร, อุตสาหกรรมยานยนต์, อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมเบา รวมถึงอุตสาหกรรมดิจิทัลอย่าง ดาต้า เซ็นเตอร์, เทคโนโลยีคลาวด์ โดยมีงบลงทุนกว่า 6,500 ล้านบาท

นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง ตั้งอยู่ที่ ต.คลองตำหรุ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี จะถูกพัฒนาในลักษณะนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco-Industrial Estate) สนับสนุนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาทางสังคม และความเป็นอยู่ของประชาชน พร้อมโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และบริการครบวงจร ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำรายงาน EIA และคาดว่าจะเปิดดำเนินการประมาณปี 2570 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ดินในนิคมฯ ปีแรก ไว้ที่ประมาณ 680 ไร่ มีราคาเสนอขายไร่ละ 12-13 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้สนใจแล้ว คาดว่าปีหน้าจะสามารถรับรู้รายได้ได้ทันที

วางกลยุทธ์ผลักดันการเติบโต ยึด 3 เสาหลัก E-E-C ได้แก่ ENLARGE from Core Strengths: ขยายขีดความสามารถจากรากฐานความเชี่ยวชาญ และจุดแข็งขององค์กร สู่ทุกกิจกรรมของธุรกิจ EVOLVE with Flexibility and Adaptability: พัฒนาอย่างยืดหยุ่น และพร้อมปรับตัวให้ตอบโจทย์ทุกสถานการณ์อยู่เสมอ COLLABORATE for Greater Impacts: เสริมความแข็งแกร่งด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรในทุกมิติ

 

จากบทบาทของผู้พัฒนา “อสังหาเพื่อขาย” สู่การทรานฟอร์มลงทุนเป็น “อสังหาเพื่ออุตสาหกรรม” เพื่อสร้าง Recurring Income ส่งให้ชื่อของ “มั่นคงเคหะการ” ค่อยๆเลือนลางลงไป เป็นช่วงเวลาของการนับถอยหลังในอีกระยะเวลาเพียง 2-3 ปี ปิดตำนานชื่อของ “หมู่บ้านชวนชื่น” ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และชื่อของ “พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์” จะทะยานขึ้นมาแทน ด้วยการเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง ซึ่งวางเป้าปี 2568 รักษาอัตราการเช่า (Occupancy Rate) เฉลี่ยทุกโครงการให้สูงกว่า 90% และเซ็นสัญญาผู้เช่าใหม่อีกกว่า 200,000 ตร.ม.

เกินกว่าครึ่งศตวรรษบนเส้นทางของการ พัฒนาอสังหาฯเพื่อขาย ของ มั่นคงเคหะการ กับ บทบาทครั้งใหม่สู่การเป็น อสังหาฯเพื่ออุตสาหกรรม เส้นทางเดินใหม่ของบริษัทจะสร้างการเติบโตอย่างไรในอนาคต เมื่อโอกาสทางธุรกิจเป็นของผู้ที่มองเห็นก่อนเป็นคนแรกเสมอจริงหรือไม่…?

โพสที่เกี่ยวข้อง