แลนดี้ โฮม สวนกระแสเศรษฐกิจเปิดสาขาใหม่จังวัดนครปฐม พร้อมยกระดับการออกแบบบ้านผ่านระบบ AI Design System ที่ให้ความสำคัญกับโครงสร้างบ้านที่แข็งแรง ปลอดภัยและตอบโจทย์การใช้ชีวิต พร้อมนวัตกรรมบ้านป้องกันฝุ่น PM 2.5 หวังโกยยอดขาย 400 ล้านบาทในปีแรก
พรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บริษัทแลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจรับสร้างบ้านยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ปริมณฑลและต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดนครปฐม ถือเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ และเชื่อมต่อสู่ภาคตะวันตกและภาคใต้ ทั้งเป็นเมืองที่มีความโดดเด่นด้านอาหาร การท่องเที่ยว และภาคอุตสาหกรรม ทำให้มีผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งเพื่อทำงาน และศึกษาในมหาวิทยาลัยชื่อดัง
ขณะที่จังหวัดนครปฐมมีรายได้ครัวเรือนสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศ อยู่ที่ 38,700 บาทต่อเดือน ขณะที่ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ระบุว่าราคาที่ดินโซนจังหวัดนครปฐมเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 22.7% จากการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ อาทิ ทางหลวงระหว่างเมือง
โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แลนดี้ โฮมมียอดปลูกสร้างบ้านในโซนนี้มากกว่า 220 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดนครปฐม อาทิ อ.เมืองนครปฐม, สามพราน, ดอนตูม, บางเลน และจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ ราชบุรี,ประจวบคีรีขันธ์, สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี สะท้อนถึงความไว้วางใจอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าในพื้นที่ที่เลือกใช้บริการ แลนดี้ โฮมในการสร้างบ้าน ทำให้บริษัทได้เปิดสาขาใหม่ในจังหวัดนครปฐมเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อรองรับการสร้างบ้านที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการอยู่อาศัยแห่งใหม่ โดยคาดการณ์ยอดขายจากสาขานครปฐมแห่งใหม่นี้อยู่ที่ 400 ล้านบาทในช่วง 1 ปีแรก
“แลนดี้ โฮม ได้ทุ่มเงินลงทุนทั้งในส่วนของที่ดินและการก่อสร้างโชว์รูมขนาดใหญ่ บนถนนเพชรเกษม รวมมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท เพื่อเปิดศูนย์รับสร้างบ้าน แลนดี้ โฮม สาขานครปฐม ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของธุรกิจรับสร้างบ้านในภาคกลาง โดยรวบรวมบริการและการให้คำปรึกษาแบบ One Stop Service ครบวงจรในที่เดียวกัน”
ภัทรา มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและออกแบบผลิตภัณฑ์ บริษัทแลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จุดเด่นของศูนย์รับสร้างบ้าน แลนดี้ โฮม สาขานครปฐม ถือเป็นผู้นำเทรนด์แบบบ้าน ที่รวบรวมแบบบ้านไว้มากที่สุดในจังหวัดนครปฐม ประกอบด้วยแบบบ้านหลากหลายจากแบรนด์ของแลนดี้ โฮม ครอบคลุมทุกระดับราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาท ไปจนถึง 50 ล้านบาทขึ้นไป ได้แก่ Trendy Home บ้านราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท Landy Home บ้านราคา 8-20 ล้านบาท และ Landy Grand บ้านระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป
นอกจากนี้ในปีนี้บริษัทได้เดินหน้านำนวัตกรรม AI มาเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบบ้าน ผ่านระบบ AI Design System ที่สามารถวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล และสร้างภาพบ้านแบบ 3D ได้ภายในไม่กี่นาที ช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพบ้านในฝันได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่พูดคุยกับสถาปนิก จากนั้นจะเชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับระบบ BIM (Building Information Modeling) เพื่อให้ทีมออกแบบ,ทีมประมาณราคา,ทีมก่อสร้าง และทีมวิศวกร ทำงานบนข้อมูลเดียวกัน เห็นจุดที่ต้องระวัง ลดความผิดพลาดหน้างาน คำนวณปริมาณวัสดุที่ต้องสั่งได้อย่างแม่นยำ และควบคุมงบประมาณได้ดีขึ้น และช่วยให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างแม่นยำ ไร้รอยต่อ โดย AI จะช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพบ้านเร็วขึ้น ส่วน BIM ช่วยให้ สร้างบ้านจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกันได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ โดยเฉพาะ CAP PLUS (Clean Air Positive Pressure) นวัตกรรมระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ที่ช่วยสร้างแรงดันบวกภายในบ้าน ป้องกัน ฝุ่น PM 2.5 เชื้อโรค และมลพิษจากภายนอก ลดปัญหาภูมิแพ้ บ้านไม่อับ และเพิ่มคุณภาพอากาศในบ้าน
ด้านพานิช มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทแลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของบ้านมากกว่าที่เคย บริษัทจึงได้พัฒนาระบบโครงสร้าง Nova System ที่ศึกษาและพัฒนาจากเทคโนโลยีชั้นสูงของประเทศญี่ปุ่น เพื่อยกระดับมาตรฐานโครงสร้างบ้านที่สั่งสร้างทั่วประเทศ ซึ่งเป็นระบบโครงสร้างกึ่งสำเร็จรูป ที่ออกแบบจุดเชื่อมต่อระหว่างเสาและคานให้ยืดหยุ่นและแข็งแรงเป็นพิเศษด้วยเทคโนโลยี J-Bolt และ Hidden Joint ช่วยลดความเสียหายจากแรงกระทำด้านข้าง เช่น แรงลมพายุ หรือแรงสั่นสะเทือน เพราะเราเชื่อว่าบ้านที่ดีต้องมั่นคงและแข็งแรงในทุกสถานการณ์