แนวโน้มธุรกิจอสังหาฯและการก่อสร้าง ทั่วไทยไตรมาสแรก Q1/68

ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานสภาวะและแนวโน้มธุรกิจช่วงไตรมาส 1/2568 ที่ผ่านมา ในหมวดอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างพบว่า

ภาคเหนือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หดตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หดตัวตามกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า ประกอบกับสถาบันการเงินยังระมัดระวังการให้สินเชื่อ ทั้งสินเชื่อธุรกิจที่ให้แก่ผู้ประกอบการ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะในกลุ่มที่อยู่อาศัยราคาต่ากว่า 3 ล้านบาท และ กลุ่มลูกค้าที่ไม่มีรายได้ประจำ

ธุรกิจก่อสร้างภาคเอกชน หดตัวตามการชะลอของโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่อย่างไรก็ดี ธุรกิจที่ขยายตัว ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างภาครัฐ มีปริมาณงานเพิ่มขึ้น ตามงบประมาณที่เพิ่มขึ้น (งบเหลื่อมปีและงบประมาณภาครัฐปี 2568) และการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุน ทำได้ดีต่อเนื่อง รวมถึงผลของฐานต่าจากความล่าช้าในการบังคับใช้งบประมาณภาครัฐปี 2567 ในช่วงเดียวกันปีก่อน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างหดตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยผู้ประกอบธุรกิจหลายรายมองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยังไม่ฟื้นตัว และยังไม่ใช่จุดต่าสุด จากสต็อกที่อยู่อาศัยในระดับสูง ขณะที่ยอดจองยังลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ลูกค้ายังมีความกังวลเรื่องความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและความชัดเจนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี ธุรกิจก่อสร้างภาครัฐขยายตัว จากการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนภาครัฐที่ทาได้ต่อเนื่อง และฐานต่าจากความล่าช้าในการบังคับใช้งบประมาณภาครัฐปี 2567

ทั้งนี้ มีข้อสังเกต 3 ประเด็น คือ

1. กลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลางและรายได้น้อย บางส่วนชะลอการตัดสินใจซื้อบ้านมือหนึ่งที่ระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท สะท้อนจากยอดจองล่วงหน้าที่ต่ำกว่าคาด ทำให้ developer ต้องเสนอขายซ้าถึง 2-3 ครั้ง ถึงขายได้

2. ลูกค้ามีแนวโน้มสนใจบ้านไม่จัดสรร บ้านสร้างเอง และ บ้านมือสองมากขึ้น เนื่องจากมีราคาต่ำกว่าบ้านจัดสรร

3. ธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างหลายราย หันมารับงานก่อสร้างภาครัฐ เพื่อชดเชยรายได้ที่ชะลอตัว

ภาคกลาง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างขยายตัวเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งธุรกิจที่ขยายตัว ได้แก่ การก่อสร้างภาครัฐขยายตัว ตามการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนภาครัฐที่ทาได้ต่อเนื่อง และฐานต่ำจากความล่าช้าในการบังคับใช้งบประมาณภาครัฐปี 2567

การก่อสร้างเอกชนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการลงทุนกลุ่ม data center และคลังสินค้า ขยายตัวจากนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตาม การลงทุนบางส่วนถูกชะลอออกไปเพื่อรอความชัดเจนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะบังคับใช้ในไตรมาสหน้า

ทั้งนี้ ต้องติดตามความเสี่ยงจากธุรกิจที่หดตัว ได้แก่

1. อสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและแนวสูง ยอดขายหดตัวในทุกกลุ่มราคาตามกาลังซื้อของผู้ซื้อที่ปรับลดลง ทาให้สถาบันการเงินยังระมัดระวังการให้สินเชื่อ อัตราการปฏิเสธสินเชื่อจึงทรงตัวในระดับสูง รวมทั้งผลของ wealth effect จากตลาดหุ้นที่ตกลงมากต่อ sentiment ลูกค้าในกลุ่มที่อยู่อาศัยราคาสูงกว่า 10 ล้านบาท ที่ชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยออกไป

2. งานก่อสร้างที่อยู่อาศัยลดลงตามการชะลอการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ เนื่องจากสต็อกยังอยู่ในระดับสูง สะท้อนจาก absorption rate ที่สูงขึ้นจากปีก่อน และยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนของยอดขายที่อยู่อาศัย

ภาคใต้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างหดตัวเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามยอดขายที่อยู่อาศัยที่หดตัวเกือบทุกระดับราคาและทุกพื้นที่ เนื่องจากกำลังซื้อและความต้องการของลูกค้าที่ลดลง คุณภาพลูกค้าที่ลดลงในทุกกลุ่มอาชีพ สะท้อนจากภาระหนี้ที่สูงขึ้น และการผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น ขณะที่ สถาบันการเงินระมัดระวังการให้สินเชื่อ ส่งผลให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อ ที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยอดขายที่อยู่อาศัยหดตัวลามไปในกลุ่มบ้านราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปชัดเจนขึ้น สะท้อนจากยอดชมโครงการลดลงชัดเจน และตัดสินใจซื้อนานขึ้น เนื่องจากลูกค้าไม่มั่นใจในกำลังซื้อของตัวเองในอนาคต

ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงปรับตัว ได้แก่

1 ชะลอการลงทุนและการเปิดโครงการใหม่ หรือทยอยสร้างตามสภาพคล่องที่มี ส่งผลให้งานก่อสร้างภาคเอกชน กลุ่มที่อยู่อาศัยลดลง

2 ให้เช่า หรือ ให้ลูกค้าผ่อนตรงกับโครงการ กรณีที่ลูกค้าได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อต่ำกว่าที่ขอกู้

3 จัดโปรโมชันมากขึ้น อาทิ ลดราคาและแจกของแถม

ทั้งนี้ ยอดขายที่อยู่อาศัยในพื้นที่ท่องเที่ยว อาทิ จังหวัดภูเก็ต และ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังขยายตัวได้แต่ชะลอลง เนื่องจากลูกค้าต่างชาติที่เร่งซื้อไปมากแล้วเมื่อปีก่อน อย่างไรก็ดี เริ่มเห็นการเปิดโครงการพูลวิลล่าราคาสูงที่เน้นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง ในพื้นที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ นอกจากจังหวัดภูเก็ต อาทิ อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช

โพสที่เกี่ยวข้อง