บริษัทแอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย และเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป หรือ IHG หนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านธุรกิจโรงแรม ร่วมฉลองในโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน 2568 เดินหน้ายกระดับด้านความยั่งยืนในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและธุรกิจคอมเมอร์เชียล โดยล่าสุดได้นำ “อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล” รับรางวัลมาตรฐาน LEED ระดับ Gold เวอร์ชั่น 4 BD+C : Hospitality สำหรับโรงแรมเป็นแห่งแรกของไทย ด้วยการออกแบบตามมาตรฐานอาคารสีเขียวระดับสากลที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการบริหารจัดการพลังงานและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดย AWC ได้เตรียมนําอาคารสำนักงานและโรงแรมในเครือรวมอีก 6 แห่ง เข้าสู่กระบวนการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียวอย่างต่อเนื่องในปีนี้
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า การนำอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล รับการรับรองมาตรฐาน LEED ระดับ Gold เวอร์ชั่น 4 เป็นโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทย และเป็นอาคารแห่งแรกของภาคเหนือที่ได้รับการรับรองมาตรฐานดังกล่าว ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทและพันธมิตรในการพัฒนาโครงการภายใต้โมเดล AWC’s Lifestyle Destination ควบคู่กับการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างสมดุลในทุกมิติ ตามกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืน 3BETTERs ด้วยการนำนวัตกรรมสมัยใหม่เข้ามามีส่วนช่วยในการบริหารจัดการโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการลดใช้ทรัพยากร การควบคุม และบริหารจัดการภายในอาคาร รวมถึงการใช้พลังงานหมุนเวียน การใช้ระบบน้ำรีไซเคิล เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพในระยะยาว
นอกจากนี้ในปีนี้บริษัทมีแผนนําอาคารสำนักงานอีก 4 แห่ง ได้แก่ อาคารเอ็มไพร์,อาคารแอทธินี ทาวเวอร์,อาคาร 208 แบงค๊อก และอาคารอินเตอร์ลิ้งค์ ทาวเวอร์ บางนา รวมถึงโรงแรมอีก 2 แห่งในพัทยา จังหวัดชลบุรี เข้าสู่กระบวนการรับรองมาตรฐานด้านความยั่งยืน LEED ระดับ Gold หรือสูงกว่า

โดยมาตรฐาน LEED ระดับ Gold เวอร์ชั่น 4 BD+C : Hospitality ที่อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล ได้รับเป็นโรงแรมแรกของประเทศไทย ผ่านการประเมินทั้ง 7 ด้าน ประกอบไปด้วย
ด้านทำเลที่ตั้งและการเดินทาง อยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ย่านช้างคลานที่สามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้สะดวก และลดการใช้งานรถยนต์ส่วนตัว
พัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน ด้วยการออกแบบที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ลดผลกระทบจากปรากฏการณ์เกาะความร้อนเมือง (Urban Heat Island) การเลือกใช้วัสดุปูพื้นที่สะท้อนความร้อนได้ดีบนพื้นที่ภายนอก
การจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้น้ำภายในอาคารได้กว่าร้อยละ 47 และออกแบบภูมิทัศน์ด้วยพรรณไม้ท้องถิ่นที่ดูแลง่าย โดยน้ำในการรดน้ำต้นไม้ 100% มาจากระบบน้ำรีไซเคิล
การใช้พลังงานและสภาพแวดล้อม อาทิ การติดตั้งระบบเซนเซอร์เปิดปิดไฟอัตโนมัติ การใช้หลอดไฟ LED ทั้งโครงการ การติดตั้งระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งทำให้การใช้พลังงานโดยรวมของอาคารน้อยกว่าอาคารพื้นฐานตามมาตรฐานมากกว่า 27% รวมถึงไม่มีการใช้สาร CFC ในระบบความเย็น
วัสดุและทรัพยากร ลดปริมาณขยะจากการก่อสร้างสู่หลุมฝังกลบลงได้มากกว่า 75% ผ่านกระบวนการคัดแยกและกำจัดอย่างเหมาะสม รวมถึงส่งเสริมกระบวนการรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่ และมากกว่า 16% ของวัสดุที่ติดตั้งถาวรมีส่วนประกอบของวัสดุรีไซเคิล
คุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร ออกแบบพื้นที่ใช้งานให้มีอัตราการถ่ายเทอากาศเพิ่มขึ้น 30% การติดตั้งระบบดักจับฝุ่นและสิ่งสกปรกที่ทางเข้าอาคาร
การใช้นวัตกรรม มีกระบวนการประเมินความเสี่ยงของพื้นที่ก่อสร้างตั้งแต่การออกแบบ พร้อมแผนการเตรียมความพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน นอกจากนี้โครงการยังได้รับคะแนน Regional Priority ทั้งหมด 4 รายการ จากสภาก่อสร้างอาคารสีเขียวแห่งสหรัฐอเมริกา ครอบคลุมการลดการใช้น้ำภายนอกและภายในอาคาร การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน และการเสริมสร้างคุณภาพอากาศภายในอาคาร





