โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ (ประเทศไทย) ต่อยอดทศวรรษแห่งความสำเร็จจากการนำโมเดลการจัดการจากส่วนกลาง (Centralized Operation) มาเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายให้กับโรงแรมขนาดกลางภายใต้การบริหารจัดการทั้ง 41 แห่ง ที่ให้บริการ เปิดเกมส์รุก 3 บริการใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เจ้าของโรงแรม ช่วยสร้างผลตอบแทนและขยายฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เล็งสยายปีกการให้บริการไปยังฟิลิปปินส์พร้อมขับเคลื่อนสู่เป้าหมายระดับโลก ตั้งเป้าร่วมมือพันธมิตรในการบริหารโรงแรม 100 แห่งในปี 2569 และขยายสู่ 1,000 แห่ง ใน 10 ประเทศ จาก 6 ทวีปทั่วโลก ในปี 2578
เรย์ มัทสึดะ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KGH กล่าวว่า ปัจจุบัน KGH ดำเนินการบริหารโรงแรมถึง 41 แห่ง ในประเทศไทย ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ โดยเป็นการบริหารโรงแรมทั้งหมด 34 แห่ง (10 แห่งอยู่ในช่วงเตรียมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ) และการบริการให้คำปรึกษาทั้งหมด 7 แห่ง รวมจำนวนห้องพักภายใต้การบริหารงานกว่า 2,500 ห้อง ประกอบไปด้วย 2 แบรนด์ของ KGH และแบรนด์โรงแรมของเจ้าของโรงแรมอิสระอื่น ๆ ได้แก่
1 แบรนด์ โคโคเทล (Kokotel) แบรนด์ที่เน้นความคุ้มค่า คุ้มราคา ในเมืองท่องเที่ยว ดีไชน์สไตล์มินิมัลลิสต์ แบบญี่ปุ่น พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และบริการที่ดูแลใส่ใจในทุกรายละเอียด ภายใต้คอนเซปต์ “Kokotel as Entertainment” โรงแรมภายใต้แบรนด์นี้ อาทิ โรงแรมโคโคเทล แบงค็อก เทวา ทองหล่อ โรงแรมโคโคเทล กรุงเทพ สุรวงศ์ โรงแรมโคโคเทล เชียงใหม่ นิมมาน โรงแรมโคโคเทล ภูเก็ต ในยาง เป็นต้น มีโรงแรมที่เปิดให้บริการแล้วรวม 16 แห่ง (15 แห่งในประเทศไทย และ 1 แห่งในญี่ปุ่น) และมีกำหนดจะเปิดให้บริการในปี 2569 อีก 4 แห่ง (3 แห่งในประเทศไทย และ 1 แห่งในฟิลิปปินส์)
2 แบรนด์ วิฟเทล (VIVTEL) แบรนด์โรงแรมพรีเมียมไลฟ์สไตล์ด้วยการออกแบบสไตล์โมเดิร์น โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคู่รักที่มองหาสถานที่พักผ่อนอย่างมีชีวิตชีวาและเป็นส่วนตัว เป็นสถานที่ให้ได้ดื่มด่ำช่วงเวลาความสุขกับคนพิเศษและไวน์ชั้นเลิศ (A Place for Honey and Fine Wine) ภายใต้แนวคิด ‘Sleepover to Oversleep’ ที่รวมความโรแมนติกแบบอิตาเลียนผสานกับ ความเป็นเลิศในการบริหารงานแบบญี่ปุ่นที่เน้นประสบการณ์อย่างแท้จริง โรงแรมภายใต้แบรนด์นี้ อาทิ วิฟเทล ภูเก็ต ป่าตอง (VIVTEL Phuket Patong) ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2569 จำนวน 2 แห่งในประเทศไทย
3) แบรนด์โรงแรมของเจ้าของโรงแรมอิสระ ที่ KGH รับหน้าที่เข้าไปบริหาร โดยยังคงเอกลักษณ์ความโดดเด่นของแต่ละแบรนด์โรงแรมเอาไว้ ผสานกับการบริหารงานแบบมืออาชีพของ KGH ซึ่งจำนวนโรงแรม KGH เข้าบริหารและเปิดให้บริการรวม 8 แห่งในประเทศไทย โดยมีกำหนดจะเปิดให้บริการเพิ่มเติมในปี 2569 อีก 4 แห่ง (3 แห่งในประเทศไทย และ 1 แห่งในฟิลิปปินส์)
“บริษัทประสบความสำเร็จในระดับสูงกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม โดยมีอัตรากำไรจากการดำเนินการของอสังหาริมทรัพย์ (Profit Margin at Property Level) ที่ 57% ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานของโรงแรมระดับกลาง (Industry Average) ที่ 25% – 35% ส่วน ADR (Average Daily Rate) ก็ทำได้สูงขึ้นแบบมีนัยสำคัญกว่าก่อนหน้าที่ KGH จะเข้ามาร่วมบริหาร ตัวอย่างเช่น โคโคเทล แบงค็อก เทวา ทองหล่อ ที่มีอัตราค่าห้องเฉลี่ยต่อวัน (ADR) เพิ่มขึ้น 106% จาก 694 บาท ก่อนที่ KGH จะเริ่มดำเนินการในปี 2563 เป็น 1,434 บาท ในปี 2567 ความสำเร็จเหล่านี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการบริหารงานอย่างมืออาชีพของเรา ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทสามารถบรรลุข้อตกลงได้ทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ซึ่งเรามั่นใจว่าจะสามารถปิดดีลได้ประมาณ 100 แห่งภายในปี 2569”
ทั้งนี้ KGH มีแผนขยายตลาดในประเทศออสเตรเลีย ในปี 2570 และอินเดีย ในอนาคต ซึ่งอยู่ในช่วงการการศึกษาข้อมูล โดยตั้งเป้าขยายการบริหารโรงแรมในเครือทั้งในประเทศไทยและระดับโลก ตามเป้าหมาย 100 แห่งภายในปี 2569 และขยายเครือข่ายโรงแรมในเครือให้ได้ถึง 1,000 แห่ง ใน 10 ประเทศ 6 ทวีปทั่วโลก ภายในปี 2578
บริษัท โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2558 กลยุทธ์ความสำเร็จตลอด 10 ปี ในการดำเนินธุรกิจที่เข้ามาพลิกโฉมการบริหารงานโรงแรมในประเทศไทยของ KGH เป็นการนำแนวคิดการทำงานตามปรัชญาไคเซ็น (Kaizen) ของญี่ปุ่นเข้ามาใช้โดยเน้นระบบการจัดการ ความเที่ยงตรง ความใส่ใจในรายละเอียด และการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยตอบโจทย์ความท้าทายต่าง ๆ ที่เจ้าของโรงแรมขนาดกลางต้องเผชิญตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจเลยทีเดียว โดยโมเดลการบริหารจัดการจากส่วนกลาง (Centralized Operation) ของ KGH ช่วยให้การบริหารมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้บุคลากรหน้างานน้อยลงและต้นทุนลดลง พร้อมทีมสนับสนุนหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพจากสำนักงานใหญ่ การสนับสนุนของทีมงานช่วยให้โรงแรมแต่ละแห่ง สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขายและสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นได้ ขณะที่มีต้นทุนการบริหารลดลง ตัวอย่างเช่น โรงแรมขนาด 75 ห้องที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีพนักงานให้บริการที่โรงแรมเพียง 17 คน สำหรับปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ เช่น ผู้จัดการโรงแรม ต้อนรับและบริการลูกค้า แม่บ้าน และวิศวกร สำหรับงานบางตำแหน่งเช่น เชฟ ฝ่ายบัญชี ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายไอที ฝ่ายขายและการตลาด และฝ่ายทรัพยากรบุคคล อาจไม่จำเป็นต้องประจำที่โรงแรม แต่ดำเนินงานโดยทีมสนับสนุนจากส่วนกลางหรือสำนักงานใหญ่ สำหรับโรงแรมที่มีฝ่ายงานต่าง ๆ คล้ายกันนี้ และมีห้องอาหารด้วย ก็อาจต้องมีพนักงานประจำเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
นอกจากนี้ KGH ยังจัดตั้ง KokoHub ศูนย์กลางระบบจัดซื้อและกระจายสินค้าจากส่วนกลาง เพื่อให้บริการแบรนด์โรงแรมในเครือ KGH ทั้งหมด การมีทีมงานมืออาชีพจากส่วนกลางและอำนาจต่อรองจากการสั่งซื้อจำนวนมาก ทำให้พันธมิตรได้ประโยชน์จากราคาที่ถูกลง ลดความถี่ในการจัดส่ง และลดความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดได้อีกด้วย
สำหรับประเทศไทย มีโรงแรมขนาดกลางประมาณ 5,400 แห่ง แต่ละแห่งมีห้องพัก 50-200 ห้อง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ KGH ให้ความสำคัญ โดยหวังจะนำความรู้ความเชี่ยวชาญของบริษัท เข้าไปช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในการเพิ่มรายได้ ด้วยการลดต้นทุน ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานบริหาร
ภวัติ เพียรเพ็ญศิริวงศ์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ การสร้างสรรค์แบรนด์และการออกแบบโรงแรม บริษัท โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทวาง 3 บริการใหม่ ในบริหารจัดการโรงแรมที่มีแบรนด์ไลฟ์สไตล์หลากหลาย ที่จะนำเสนอ และจะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำการตลาดและการขายได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ช่วยให้การดำเนินงานของโรงแรมในเครือแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยทั้ง 3 บริการได้รับการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ตรงใจ มั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิม ผ่าน
1. บริการสนับสนุนการขายออนไลน์ โดยรับผิดชอบด้านการขายออนไลน์และการจัดการรายได้ซึ่งรวมถึงการบริหารแพลตฟอร์มการจองที่พักและเดินทาง (OTA) ปรับอัตราค่าห้องพักผ่านระบบให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าได้ รวมทั้งทำรายงานวิเคราะห์คู่แข่ง
2. บริการสนับสนุนการตลาดออนไลน์ ที่ช่วยวางแผนแพ็คเกจห้องพักและโปรโมชั่นต่าง ๆ พร้อมจัดทำโฆษณาออนไลน์ บริหารเว็บไซต์ และบัญชีโซเชียลมีเดีย (Facebook และ Instagram) สามารถผนวกแพ็คเกจนี้เข้ากับบริการสนับสนุนการขายออนไลน์ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสการจดจำและรับรู้แบรนด์โรงแรม กระตุ้นให้มีการจองมาทางออนไลน์ และเพิ่มอันดับของโรงแรมบนแพลตฟอร์ม OTA ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
3. บริการด้านการบริหารและให้คำปรึกษา บริการใหม่ล่าสุดที่ KGH จะมอบหมายให้ผู้จัดการทั่วไปที่ผ่านการฝึกอบรมและมีประสบการณ์ เข้าไปทำงานที่โรงแรมนั้น ๆ และดูแลการบริหารงานประจำวันของโรงแรมโดยตรง