บริษัทโมโนโครม แอสเซ็ท จำกัด เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์น้องใหม่ที่ก่อตั้งเมื่อขึ้นเดือนมิถุนายน 2565 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท จากการรวมตัวกันของผู้บริหารหนุ่ม 3คนที่มีธุรกิจหลักเป็นของตัวเอง คือ ไศลโรจ ไทยชาติ ถือหุ้น 42% เจ้าของธุรกิจโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ “J-PARK RESIDENCES” กว่า 1,000 ห้องในย่านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ,อิทธิพล สัมฤทธิ์พันธุ์สุข ถือหุ้น 42% ผู้เชี่ยวชาญด้านเฟอร์นิเจอร์นำเข้าและ interior design ภายใต้แบรนด์ KIST และศิวัจน์ พัฒนาพงศ์สิน ถือหุ้น 15% ผู้ประกอบธุรกิจซูเปอร์คาร์ ภายใต้แบรนด์ QC Special Selection

เปิดตัวโครงการแรก “ASCARI วิภาวดี-ประชาชื่น” เป็นบ้านระดับ Ultra Luxury บนพื้นที่ Prime Location ย่านประชาชื่น ซึ่งเป็นย่านชุมชนเก่า ออกแบบเป็นบ้านพร้อมเข้าอยู่ 6 ยูนิต สไตล์ Modern สูง 3ชั้นครึ่ง ขนาดที่ดิน 45 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยกว่า 345 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้น 29 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้
เน้นเจาะกลุ่มลูกค้า Young Gen ที่กำลังเริ่มต้นสร้างงครอบครัว เจ้าของกิจการใหม่ในย่านประชาชื่น กลุ่มผู้บริหาร และกลุ่มครอบครัวเดิมในย่านประชาชื่นที่ต้องการขยับขยายครอบครัว เพราะทำเล“ประชาชื่น-วิภาวดี” ถือเป็น Residential zone ชั้นในของกรุงเทพฯ ที่เชื่อมต่อกับโซนสำคัญ เช่น อารีย์ ประชาชื่น งามวงศ์วาน ผ่านถนนเส้นหลักคือ ถนนประชาชื่น และวิภาวดีรังสิต ที่เชื่อมต่อเข้าถึงถนนลาดพร้าว รัชดาภิเษก พหลโยธินได้ง่าย
ศิวัจน์ พัฒนาพงศ์สิน หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทโมโนโครม แอสเซ็ท จำกัด กล่าวว่า ย่านประชาชื่นเป็นย่านที่อยู่อาศัยเก่าที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้โอกาสในการหาซื้อที่ดินเปล่า หรือรวบรวมแปลงสำหรับพัฒนาโครงการใหม่มีจำกัด ส่งผลให้พื้นที่นี้กลายเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงทั้งในด้านมูลค่าที่ดินและโอกาสในการเพิ่มมูลค่าในอนาคต จากการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานและระบบขนส่งคมนาคมต่างๆ ที่กำลังพัฒนา อีกทั้งยังใกล้ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ห้างเดอะมอลล์ ไลฟ์สไตล์ งามวงศ์วาน ตลาดบองมาเช่ ตลาด อ.ต.ก. รวมถึงโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ ดอนเมือง และโรงเรียนสาธิตเกษตร
ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีแลนด์แบงก์อยู่ในโซนนี้ 2 แปลง เนื้อที่ 300 ตารางวา เป็นที่ตั้งของโครงการ ASCARI วิภาวดี-ประชาชื่น และอีกแปลงเนื้อที่ประมาณ 200 ตารางวา วางแผนจะเปิดตัวโครงงการใหม่ที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยมากกว่าโครงการแรก รวมทั้งยังได้มีการเจรจาซื้อที่ดินเพิ่มอีก 2-3 แปลงเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต

พจมาน วรกิจโภคาทร หัวหน้าส่วนงานบริหารงานขายโครงการ ฝ่ายที่ปรึกษาด้านที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดบ้านแนวราบระดับลักชัวรีราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนจากดีมานด์ของกลุ่ม High Net Worth และ Ultra Affluent ที่ยังคงมองหาบ้านในเมืองที่ตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชัน ไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะโครงการขนาดเล็กที่มีความเป็นส่วนตัวสูงในทำเล prime inner city ซึ่งมีsupply ในตลาดอยู่อย่างจำกัด และรวมแปลงที่ดินได้ยาก โดยข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2568 มีอุปทานใหม่เข้ามาในตลาดจำนวน 1,188 ยูนิต โดยกลุ่มสินค้าระดับราคา 10-20 ล้านบาท และ 21-30 ล้านบาท มีสัดส่วนรวมกันมากถึง 78% โดยจะกระจุกตัวอยู่ในโซนกรุงเทพตะวันออก ชานเมืองฝั่งตะวันตก และกรุงเทพฝั่งตะวันตก
สำหรับจุดเด่นของโครงการ ASCARI วิภาวดี-ประชาชื่น ได้นำแนวคิดการออกแบบแนวตั้งมาใช้ออกแบบให้มีความสูงถึง 14.95 เมตร ทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในตัวบ้านโปร่ง โล่ง สบาย โดยเฉพาะบริเวณบ้านชั้น2 ป็น Double Volume เพดานสูง 6 เมตร พร้อมลิฟท์ส่วนตัวทุกยูนิตแบรนด์ Aritco นำเข้าจากประเทศสวีเดน ที่ประหยัดค่าไฟฟ้า โดยกดลิฟต์ 1ครั้งจะเสียค่าไฟประมาณ 50 สตางค์ พร้อมจัดวาง zoning ทั้ง Guest Lounge, Family Living, Exclusive Penthouse บนชั้นบนสุด และพื้นที่ 3เป็นห้องนอนพลัสที่พร้อมปรับฟังก์ชั่นได้ตามความต้องการ

นอกจากนี้พื้นที่ด้านหน้าบ้านยังได้ถูกออกแบบให้มี Supercar Garage รองรับรถหรูได้สูงสุดถึง 4 คัน โดยมีการผสมผสานทั้ง design และ function เข้าด้วยกัน โดยเฉพาะประตูหน้าบ้านเป็น Shutter Door แบบ Automatic Gateสามารถเปิด-ปิดได้ภายใน 12 วินาที

ส่วนภายในตัวบ้านเน้นความปลอดภัยสูงสุดด้วยระบบ Smart Living มีทั้ง VDO Door Phone,Digital Door Lock,CCTV,EV Charger,Burglar Alarm,Magnatic Center,Heat Detacter,Home Automation System และ Solar Roof System
ล่าสุดโครงการได้ปิดการขายบ้านตัวอย่างที่ตกแต่งแบบ Fully Furniched พร้อมรถยนต์ปอร์เช่ 1คันมูลค่า 6 ล้านบาทไปแล้ว 1ยูนิต มูลค่ารวม 45 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเตรียมตกแต่งบ้านตัวอย่างหลังใหม่เพิ่มอีก 1 ยูนิต





