กลุ่มดุสิตธานีเปิดตัวโรงแรมดุสิตธานี หัวหินมายาวนานถึง 35 ปี และเพิ่งมีการรีโนเวตโรงแรมครั้งใหญ่ไปเมื่อ 3-4ปีที่ผ่านมา ทำให้มีฐานกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติอยู่ในพอร์ตค่อนข้างมาก สอดรับกับศักยภาพของพื้นที่หัวหินที่เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนของทั้งคนไทยและต่างชาติ ล่าสุดบริษัท ดุสิต เอสเตท จำกัด ได้เซ็นสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว 30ปีต่อได้อีก 30ปีบริเวณด้านหลังโรงแรมดุสิตธานีติดถนนเพชรเกษมจำนวน 20 ไร่ ซึ่งเดิมที่เป็นที่ตั้งของโปโลคลับมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์
ณัฐภาณุ์ ศรียุกต์สิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทดุสิต เอสเตท จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้เช่าที่ดินส่วนหนึ่งของโรงแรมดุสิตธานี หัวหินจำนวน 20ไร่ ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ตั้งของ “ดุสิต รีสอร์ท แอนด์ โปโลคลับ” สนามโปโลที่เคยเปิดต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลก มาพัฒนาเป็นที่พักอาศัยภายใต้ชื่อโครงการดุสิต อจารา หัวหิน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบร่วมสมัย ผ่านแนวคิด Multi-generational Living รองรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว โดยแบ่งการพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์ทั้งหมด 7 อาคาร ประกอบด้วย อาคาร 3 ชั้นจำนวน 4 อาคาร และอาคาร 6 ชั้น จำนวน 3 อาคาร ทำให้ในเเต่ละอาคารมีจำนวนยูนิตน้อย ทั้งโครงการมีจำนวนห้องชุดแค่ 96 ยูนิตเท่านั้น โดยอาคาร 3ชั้นมีจำนวนห้องชุดเฉลี่ยอาคารละ 10ยูนิต และอาคารสูง 6ชั้นมีจำนวนห้องชุดเฉลี่ยอาคารละ 20ยูนิต
รูปแบบห้องชุดมีให้เลือกทั้งแบบ 1ห้องนอนขนาด 60-90 ตารางเมตร สัดส่วน 40% แบบ 2 ห้องนอนขนาด 120-140 ตารางเมตร สัดส่วน50% และแบบ 3ห้องนอนขนาด 250 ตารางเมตรและห้องเพนท์เฮาส์มีจำนวน 3ยูนิตขนาด 300 ตารางเมตร สัดส่วน 10% ราคาขายเริ่มต้นประมาณ 15 ล้านบาทพร้อมตกแต่งแบบ Fully Fited หรือเริ่มต้น 250,000 บาทต่อตารางเมตร เน้นกลุ่มลูกค้าคนไทย 60% และชาวต่างชาติ 40% ที่เป็นกลุ่ม Expact สวีเดน อังกฤษ และชาวยุโรป
ภายในโครงการโอบล้อมรอบสวนส่วนกลางขนาดใหญากว่า 60%ของพื้นที่ทั้งโครงการทั้งหมด ทำให้ความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติในทุกมิติ โดยทุกอาคารหันหน้าเข้าหาพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่สีเขียว ที่มีทั้งคลับเฮ้าส์ส่วนตัว สระว่ายน้ำที่โอบล้อมด้วยวิวธรรมชาติ สนามเด็กเล่น และพืนที่จอดรถรอบโคครงการ 70% พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยแนวคิด Universal Design ที่ช่วยให้ทุกพื้นที่สามารถเข้าถึงและใช้งานได้อย่างสะดวก ส่วนโถงทางเดินแบบ Single Corridor โดยเว้นระยะระหว่างอาคารอย่างมีจังหวะ เพื่อเอื้อให้การไหลเวียนของอากาศตามธรรมชาติ (Cross Ventilation) เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดวัน ขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างยื่นขอEIA คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีนี้มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2571
สมเกียรติ โล่ห์จินดาพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทสถาปนิก 49 จำกัด กล่าวว่า โจทย์ในการออกแบบโครงการดุสิต อจารา หัวหิน คือต้องกำหนดเรื่องราวที่สามารถเชื่อมต่อประวัติศาสตร์พื้นที่โครงการและธรรมชาติให้ออกมาในมิติใหม่ เพื่อรองรับการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบัน โดยได้เริ่มต้นสำรวจพื้นที่ทั้งแนวระนาบ และแนวสูงผ่านการบินโดรน เพื่อให้รู้วิวที่ได้รับในระดับความสูงของแต่ละชั้น จัดวางองค์ประกอบและเลย์เอาท์ของโครงการเป็นกลุ่มอาคาร รูปแบบของสถาปัตยกรรมในแบบ Low Rise ออกแบบให้แต่ละยูนิตมีหน้ากว้าง (Wide Frontage) เพื่อเปิดรับแสงและลมธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ส่วนภายนอกอาคาร เน้นการใช้เส้นสายสร้างความเรียบง่ายแต่มีรายละเอียด และเลือกใช้วัสดุที่ให้สีสันตามธรรมชาติ คือ ครีมอ่อน เทา น้ำตาลไม้ หรือสี Dark Bronze ของโลหะ
โดยชั้น 1 ถูกออกแบบให้ภายในห้องมีความสูงพิเศษตั้งแต่ 3 – 3.5 เมตร พร้อมสวนส่วนตัวที่เชื่อมต่อกับส่วนกลางของโครงการได้อย่าง Seamless ส่วนห้องชุดแบบ 2 ห้องนอนถูกจัดวางไว้บริเวณหัวมุมของอาคาร เพื่อให้มุมมองเปิดกว้างและเป็นส่วนตัว และห้องเพนท์เฮ้าส์แบบ 3 ห้องนอน จะตั้งอยู่บนชั้น 5 และ 6 ของอาคารสูง 6 ชั้น ซึ่งเป็นระดับความสูงที่มองเห็นวิวทะเลได้แบบพาโนรามา พร้อมด้วยระเบียงขนาดใหญ่ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่รับประทานอาหารเช้าหรือพักผ่อนกลางแจ้งได้
ส่วนพื้นที่ใช้สอยในห้องชุดได้แบ่งพื้นที่เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวของสมาชิกแต่ละคน และพื้นที่ที่สามารถใช้เวลาร่วมกันได้อย่างเต็มที่ โดยแบ่งโซนอยู่อาศัยออกเป็น 3 ส่วนหลักที่ไล่เรียงจากพื้นที่แบบ Semi-private, Multi-GEN Living Space หรือ Sharing Space และ Private Zone นอกจากนี้พื้นที่ภายในยูนิตยังเน้นการเปิดรับแสงและภูมิทัศน์สีเขียวโดยรอบ เฟอร์นิเจอร์ภายนอกใช้วัสดุที่ทนทานต่อสภาพอากาศริมทะเล เช่น SUS 316 และ Quick-dry Foam