เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฝ่าปัจจัยกระทบตลาดอสังหาฯรอบด้านเปิดพรีเซล3 โครงการใหม่ยอดขายทะลุพันล้าน

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯชี้ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งภาวะเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นคิดเป็น 90% ของ GDP หนี้ Housing NPLs ไตรมาส 1ขยับเพิ่มขึ้น 17.95%จากจากช่วงเดียวกันของปี 2567 ขณะที่เครื่องจักรสำคัญของเศรษฐกิจไทยเริ่มชะลอตัวทั้งการท่องเที่ยว,การส่งออก และเกษตรกรรม ประเมินมูลค่าโอนที่อยู่อาศัยของผู้พัฒนาอสังหาฯในปีนี้จะมีมูลค่าลดลงเหลือ  377,351 ล้านบาท วางแผนเปิดบ้านแนวราบ 6 โครงการ ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนเปิดพรีเซล3โครงการใหม่กวาดยอดรวมได้กว่า1,000 ล้านบาทภายใน 2 วันหลังเปิดขาย

ภวรัญชน์ อุดมศิริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย บริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงเผชิญความท้าทายจากหลายปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์GDP ในปี 2568 จะเติบโต 2.3% ขณะที่ธนาคารโลกคาดการณ์GDP ในปีนี้ของประเทศไทยจะเติบโตเพียง 1.6% ซึ่งถือว่าต่ำสุดในอาเซียน ขณะที่หนี้ครัวเรือนยังคงเพิ่มสูงขึ้นคิดเป็น 90% ของ GDP ส่งผลให้ตัวเลข Housing NPLs ไตรมาส 1ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 17.95%จากจากช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่มีจำนวน 112,033 ล้านบาท ทำให้ธนาคารอนุมัติสินเชื่อรัดกุมยิ่งขึ้น

นอกกจากนี้ยังมีความผันผวนทางการเมืองทั้งนอกและในประเทศ ส่งผลต่อนโยบายและทิศทางเศรษฐกิจโดยรวม นโยบายภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียม ทำให้สินค้าส่งออกของไทยไปยังสหรัฐอเมริกาถูกจัดเก็บภาษีเพิ่มสูงขึ้นถึง 36% ขณะที่เครื่องจักรสำคัญของเศรษฐกิจไทยเริ่มชะลอตัวทั้งการท่องเที่ยว, การส่งออก และเกษตรกรรมมีมูลค่าลดลง อัตราการเกิดลดลง แต่กลุ่มผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อการบริโภคและคนวัยทำงานลดลงในระยะยาว

ด้านผู้ประกอบการก็ได้รับผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินเพิ่มสูงขึ้นจากการหาแหล่งเงินทุนที่ยากขึ้น ทำให้มีการออกหุ้นกู้เสนอขายกับนักลงทุนและผู้ซื้อรายย่อยแทน และต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้แพงขึ้น ส่งผลให้สภาพคล่องทางการเงินลดลง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ส่วนปัจจัยบวกที่สนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริโภค ได้แก่ มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐในรการผ่อนคลายเกณฑ์LTV (Loan to Value) ของธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยด้วยการขยายวงเงินกู้ได้เต็ม100% อัตราดอกเบี้ยเข้าสู่ภาวะขาลง ส่งผลบวกต่อการยื่นสินเชื่อของลูกค้าที่สนใจซื้อที่อยู่อาศัย และการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและขนส่ง ซึ่งส่วนใหญ่ระบบขนส่งสาธารณะได้สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วในหลายพื้นที่ และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2573 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ที่เดินทางไปมาในย่านศูนย์กลางธุรกิจ

ทำให้บริษัททคาดการณ์ว่ามูลค่าโอนที่อยู่อาศัยของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะมีมูลค่า 377,351 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ที่มีมูลค่า 415,249 ล้านบาท และคาดว่าในช่วง 3ปีนับจากปีนี้จะทยอยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจอสังหาฯของบริษัทแบ่งการลงทุนออกกเป็น 3ส่วนหลัก คือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม,อสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม ด้วยการให้บริการโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าเพื่อเช่าในพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ทั่วประเทศไทย รวมถึงในประเทศอินโดนีเซีย เวี ยดนาม และอสังริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม ประกอบด้วยอาคารสำนักงานให้เช่า พื้นที่รีเทล แล ะโรงแรม ตั้งอยู่ในย่านศูนย์กล างธุรกิจของกรุงเทพฯ

โดยในส่วนของอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ในปีนี้วางแผนเปิดตัวบ้านแนวราบทั้งหมด 6 โครงการ ช่วงครึ่งปีแรกเปิดตัวไปแล้ว 3โครงการ และช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดเพิ่มอีก 3โครงการเป็นบ้านเดี่ยว 2โครงการ และทาวน์โฮม 1 โครงการ

ขณะที่3โครงการใหม่ที่เปิดพรีเซลไปในช่วงพฤษภาคมถึงมิถุนายนที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายรวมกันได้กว่า 1,000 ล้านบาทภายใน 2 วันหลังเปิดขาย ได้แก่ โครงการทาวน์โฮมพรีเมียมแบรนด์น้องใหม่ โกลดีน่า สุขุมวิท–แบริ่ง ทำยอดพรีเซลได้ 350 ล้านบาท และ 2 โครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์แกรนดิโอ ได้แก่ แกรนดิโอขอนแก่น–มิตรภาพ มียอดพรีเซล350 ล้านบาท และแกรนดิโอโคราช –เทอร์มินอล ทำยอดพรีเซลได้ถึง 300 ล้านบาท

ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินกลยุทธ์3 ด้านหลัก ได้แก่ Prioritising consumer needs การให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้บริโภคในทุกมิติ ด้วยการนำอินไซต์ของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่และแต่ละกลุ่มเป้าหมายทมาวิเคราะห์ข้อมูลและปรับใช้ในทุกระบวนการ ตั้งแต่การวางแนวคิด ออกแบบตัวบ้าน พื้นที่ใช้สอย ฟังก์ชัน ไปจนถึงการออกแบบบริการหลังการขาย อาทิ โครงการโกลดีน่า สุขุมวิท–แบริ่ง ที่ได้นำเสนอดีไซน์ทาวน์โฮมรูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิด “Urban Energy with Inner Peace” สะท้อนถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่อายุระหว่าง 25-35ปีที่ต้องการความทันสมัย เรียบง่าย แต่ภายในตัวบ้านยังออกแบบให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้จริง เช่น พื้นที่ซักตากรีดในร่มที่ช่วยลดปัญหาเรื่องฝนตกหรือฝุ่นละอองในอากาศ พื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องทำงานหรือห้องนอนเสริมได้ ตลอดจนพื้นที่ส่วนกลางที่รองรับการใช้ชีวิตร่วมกับสัตว์เลี้ยง รวมถึงการเลือกใช้วัสดุและนวัตกรรมที่คำนึงถึงความยั่งยืนและการประหยัดพลังงาน พร้อมที่จอดรถในบ้าน 2คัน

Creating tangible value มุ่งเน้นการส่งมอบบ้านที่ไม่ใช่เป็นแค่ทรัพย์สิน แต่เป็นพื้นที่การใช้ชีวิตที่อำนวยความสะดวก ของผู้อยู่อาศัยได้จริง พร้อมเดินหน้าขยายโครงการสู่หัวเมืองหลักในต่างจังหวัด เช่น ขอนแก่น และนครราชสีมา ด้วยแบรนด์แกรนดิโอ ซึ่งออกแบบเป็นบ้านเดี่ยวสไตล์ Luxury European ที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวในบ้าน และ Financial stability สร้างฐานะการเงินที่แข็งแกร่งด้วยรากฐานธุรกิจแบบครบวงจร ครอบคลุมทั้งอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม ทำให้สามารถลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่ในทาเลศักยภาพได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในภาวะที่ตลาดเผชิญแรงกดดัน

โพสที่เกี่ยวข้อง