มอเรส ดีเวลลอปเจาะตลาดบ้าน Luxuryสังคมส่วนตัวไม่เกิน9ยูนิตแบรนด์”MEKA” ทำเลในเมือง

 มอเรส ดีเวลลอปประกาศเปิดตัวบ้านเดี่ยว Luxury โครงการที่ 3 ภายใต้แบรนด์ MEKA  “เมฆา เครสเซนต์ สาทร-ถนนจันทน์ เน้นความเป็นส่วนตัวจำนวน 6 ยูนิต ตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์หลังประสบความสำเร็จกับ 2 โครงการแรกที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม

อรรณพ จิตติปัญญากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มอเรส ดีเวลลอป จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จจากการขายบ้านหรูระดับ Luxury บนทำเลใจกลางย่านธุรกิจ 2 โครงการภายใต้แบรนด์ MEKA ได้แก่ MEKA RAMINTRA (เมฆา  รามอินทรา) และ MEKA SIGNATURE (เมฆา ซิกเนเจอร์ สาทร – เจริญราษฎร์) สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท และความมั่นใจในตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ที่ยังคงมี High Demand และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องอีกในอนาคต ทำให้บริษัทมีความมั่นใจในการพัฒนาโครงการใหม่ MEKA CRESCENT (เมฆา เครสเซนต์ สาทร-ถนนจันทน์) ออกแบบเน้นความเรียบง่าย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Where Life Shines Bright, Beneath the Moonlight” ที่ผสมผสานธรรมชาติ และความหรูหราด้วยเสน่ห์ของเส้นโค้งเปรียบดั่งดวงจันทร์ 

โดยบริษัทมีความพร้อมทั้งด้านทีมงานที่มีความชำนาญเฉพาะเรื่องการสร้างบ้าน คัดสรรวัสดุทุกชิ้นที่มีคุณภาพระดับพรีเมียม นั่นเป็นที่มาของแนวคิด “MORES….CRAFT OF LIVING ดีไซน์การใช้ชีวิตที่เหนือกว่าเฉพาะคุณ” เพราะบ้าน Luxury ที่ดี คือออกแบบดี ก่อสร้างประณีต พื้นที่ใช้สอยครบ ลงตัว ใช้งานได้สมบูรณ์ ตามแบบตรงปกทุกอย่างภายใต้แบรนด์ MEKA

MEKA CRESCENT (เมฆา เครสเซนต์) สาทร-ถนนจันทน์ โครงการที่ 3 ใหม่ล่าสุดตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ ออกแบบเป็นบ้านเดี่ยว 4 ชั้น เอ็กซ์คลูซีฟ เพียง 6 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 750 – 950 ตารางเมตร ขนาด 3 – 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ พร้อม Maid Quarter และที่จอดรถ 4 คัน ราคาขายเริ่มต้น 65 ล้านบาท โดยจุดเด่นของโครงการคือ “The One & Only Residence” มีบ้านพิเศษเพียง 1 ใน 6 หลังที่ได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอย และประสบการณ์การอยู่อาศัยสไตล์รีสอร์ตระดับ Luxury พร้อมที่จอดรถซูเปอร์คาร์ ที่ออกแบบเป็นพิเศษ หลังคาโซลาร์ รูฟ และ Private Lift ทุกหลัง, EV Charger, ระบบแอร์ Streamer และเดินสายไฟลงใต้ดิน 

“ก่อนที่จะมีบ้านของตัวเอง ผมเคยขับรถเยี่ยมชมโครงการบ้านหรูจากหลายแบรนด์ หลายทำเล แต่ยังไม่พบแบบบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องฟังก์ชัน ดีไซน์ และความคุ้มค่า จึงเป็นแรงจุดประกายในการพูดคุยกับเพื่อนที่มีความคิดและความตั้งใจคล้ายๆ กันที่จะสร้างบ้านหรูระดับลักซ์ชัวรี่ให้คุ้มค่า”

สำหรับโครงการแรกที่ พัฒนาภายใต้แบรนด์ MEKA คือ “MEKA RAMINTRA” (เมฆา รามอินทรา) คอนเซ็ปต์ “THE PRIDE FOR ENDLESS PLEASURE” บนที่ดินกว่า 6 ไร่ ติดถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก ใกล้ทางด่วนและห้างสรรพสินค้า เดินทางสะดวกสบายเพียง 6 นาที ถึงรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีรามอินทรา 83 มีจำนวน 23 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น สไตล์ Modern Luxury บนเนื้อที่ 60-100 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย ขนาด 360-475 ตารางเมตร ฟังก์ชัน 4-5 ห้องนอน ที่จอดรถ 3 คัน ราคา 18-60 ล้านบาท เปิดขายครั้งแรกช่วงปี 2565 ภายใน 3 เดือนแรกทำยอดขายได้แล้วกว่า 50% ปัจจุบันเหลือขายเพียง 5 ยูนิต และอยู่ระหว่างขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์อีก 2 ยูนิต

ส่วนโครงการที่ 2 “MEKA SIGNATURE“ (เมฆา ซิกเนเจอร์) สาทร – เจริญราษฎร์ มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ THE ARTISAN SERIES บนที่ดินกว่า 2 ไร่ จำนวน 7 ยูนิต บนทำเลธุรกิจย่านสาทร-เจริญราษฎร์ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว 4 ชั้น สไตล์ Modern Luxury  จำนวน 6 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 650 ตารางเมตรขึ้นไป มี 3 – 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ พร้อมห้องแม่บ้าน และที่จอดรถ 4 คัน ส่วนอีก 1 ยูนิตเป็น โฮมออฟฟิศ หรือเรียกว่า Executive Building ที่เป็น Office Floors และ Luxury Penthouse ในตึกเดียวกันพร้อมระบบ Smart Home ราคาขาย 79 ล้านบาท ออกแบบสไตล์ Modern Luxury  เป็นอาคารสูง 6 ชั้นพร้อม Private Lift พื้นที่ใช้สอย 850 ตารางเมตร จอดรถได้มากถึง 8 คัน 

ทั้งนี้บริษัทฯ จะเน้นการพัฒนาโครงการที่มีความเป็นส่วนตัว จำนวนยูนิตไม่มาก โดยทั้ง 3 โครงการ มีจำนวนบ้านรวมกันแค่ 35 ยูนิตเท่านั้น มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท โดย 2 โครงการที่ได้เปิดตัวไปแล้ว ออกแบบสไตล์ Modern Luxury ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 35 – 45 ปี ระดับรายได้ขั้นต่ำอยู่ที่ 500,000 บาทต่อเดือน มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ขณะเดียวกัน ยังมีกลุ่มลูกค้าอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่สนใจโครงการซื้อเป็นสินทรัพย์ให้กับลูกหลาน โดยลูกค้าส่วนใหญ่กว่า 90% ตัดสินใจซื้อจากดีไซน์บ้านสวยทันสมัย การวางแบบแปลนที่ลงตัวกับการใช้ชีวิต 

ด้านความปลอดภัยภายในโครงการได้มอบหมายให้บริษัทพลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่มี LIV-24 Security System ให้บริการด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย ที่ผสาน AI Technology กับความเชี่ยวชาญของมนุษย์และออกแบบเครื่องมือดูแลความปลอดภัยและป้องกันความเสี่ยงครบวงจรและช่วยจัดการบริหารจัดการนิติบุคคลและส่วนกลางทั้งหมดเป็นการยกระดับความปลอดภัยให้กับลูกบ้านของมอเรสฯ

ส่วนแผนการดำเนินงานในอนาคต  บริษัทฯ อยู่ระหว่างการวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ประเภททาวน์โฮมหรู บนทำเลศักยภาพย่านถนนพระราม 3 โดยคาดว่าจะเปิดตัวโครงการได้ในช่วงต้นปี 2569 

โพสที่เกี่ยวข้อง