แสนสิริกางโรดแมป 5 ปีขยายการลงทุนเกาะภูเก็ตเพิ่ม29 โครงการมูลค่า 33,000 ล้านบาท 

“แสนสิริ”เป็นอีกหนึ่งดีเวล็อปเปอร์ระดับมหาชนที่ย้านฐานเข้าไปลงทุนในจังหวัดภูเก็ตมากว่า 16 ปี และมี Head Office แห่งที่ 2 อยู่ในภูเก็ตด้วย เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยหลากหลายระดับราคาทั้งบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมรวมกว่า 26โครงการ  โดยเฉพาะแบรนด์คอนโดฯ “ดีคอนโด”ราคาล้านกว่าบาท ผ่อนเบาๆแค่เดือนละ 999 บาท ที่สร้างชื่อและยอดขายให้กับแสนสิริค่อนข้างมาก โดยมียอดขายมากกว่า 3,500 ยูนิต ปัจจุบันมีโครงการที่ Activeอยู่ 8 โครงการ ล่าสุดมี 2 คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จและพร้อมโอน ได้แก่ เดอะ เบส บูกิต ภูเก็ต และเดอะ เบส ไรส์ ภูเก็ต

ภูมิชาย มัธยมภพภิญโญ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจพัฒนาโครงการภาคใต้  บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองต้นแบบที่ผสมผสานการท่องเที่ยวระดับโลก ไลฟ์สไตล์ การลงทุน และการอยู่อาศัยได้อย่างลงตัว เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าจับตาที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สู่การเป็น The World’s Elite Destination โดยได้รับขับเคลื่อนภูเก็ตสู่การเป็นศูนย์กลางระดับโลก ได้แก่ การท่องเที่ยวและการบริการระดับพรีเมียม การพัฒนาแบบครบวงจรทั้งแหล่งที่อยู่อาศัยและสิ่งอำนวยความสะดวก

ขณะที่การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญก็มีความพร้อมค่อข้างมาก  ทั้งการเดินทางทางอากาศและทางทะเล ที่มีไฟล์ทบินต่อวันสูงถึง 270 เที่ยวบิน,การเป็นศูนย์กลางด้านทางการแพทย์,การขยายตัวของโรงเรียนนานาชาติ และการพัฒนาสู่ Sport & Wellness Hub ซึ่งดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นฐาน โดยปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งบ้านพักตากอากาศ โครงการเพื่อการลงทุนและที่อยู่อาศัยระยะยาว โดยเฉพาะโครงการระดับ Ultra Luxury ที่ยังมีความต้องการสูงจากชาวไทยและชาวต่างชาติ

โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ทั้งกลุ่มนักลงทุนอสังหาฯ และเรียลดีมานด์ชาวไทยและชาวต่างชาติ เช่น กลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติหน้าใหม่ อาทิ ชาวอิสราเอล, กลุ่มประเทศที่ใช้ภาษารัสเซีย เช่น รัสเซีย, คาซัคสถาน, ยูเครน รวมถึงอินเดีย บังคลาเทศ กลุ่มยุโรปและชาวอเมริกัน ที่มองหาการกระจายพอร์ตการลงทุนอสังหาฯเพิ่ม ขณะที่กลุ่ม LGBTQ+ เริ่มให้ความสนใจในการลงทุนในภูเก็ตมากขึ้น เพื่อวางแผนตั้งถิ่นฐานหรือลงทุนในประเทศไทยที่ให้ความคุ้มครองทางกฎหมายและมีความเปิดกว้างทางด้านเพศ

ส่วนกลุ่มลูกค้าชาวไทยในเมืองภูเก็ต มีทั้งกลุ่มนักลงทุนที่ไม่ใช่คนท้องถิ่น กลุ่มคนที่เคยประสบความสำเร็จในการลงทุนในกรุงเทพฯ และเริ่มมองหาแหล่งลงทุนใหม่อย่างภูเก็ต ที่มี Yield สูง กลุ่มนักลงทุนคนภูเก็ต ที่เป็นเถ้าแก่และเจ้าของกิจการในพื้นที่ และกลุ่มประชากรแฝงที่เข้ามาทำงานในภูเก็ต

ส่งผลให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 บริษัทมียอดขายที่อยู่อาศัยในภูเก็ตมูลค่า2,500 ล้านบาท และยอดโอน 3,300 ล้านบาท จากเป้ายอดขายและยอดโอนปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ตัวเลขเดียวกันคือ  5,000 ล้านบาท  ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและพัฒนาจำนวน 8 โครงการ และล่าสุดมี 2 คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จและพร้อมโอน ได้แก่ เดอะ เบส บูกิต ภูเก็ต และ เดอะ เบส ไรส์ ภูเก็ต

โครงสร้างประชากรในจังหวัดภูเก็ตมีความหลากหลายค่อนข้างมาก ทั้งผู้อยู่อาศัยจริงตามทะเบียนบ้านที่มีประมาณ 4 แสนคน,ผู้พำนักระยะยาวหรือประชากรแฝงที่มีมากกว่า 6-8 แสนคนต่อปี  และนักท่องเที่ยวระยะสั้นแบบ 1-2 สัปดาห์ที่มีมากกว่า 1.2-1.5ล้านคนต่อปี  ล้วนมีส่วนสำคัญต่อความคึกคักด้านเศรษฐกิจของเกาะภูเก็ตทั้งการจ้างงาน รายได้ รวมถึงการอยู่อาศัย

ทั้งนี้บริษัทได้วางแผนโรดแมป 5 ปี (2568-2572) จะขยายการลงทุนในเกาะภูเก็ตเพิ่มขึ้นอีก 29 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 33,000 ล้านบาท  แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 16 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 13 โครงการ มูลค่า 21,000 ล้านบาท โดยปีนี้วางแผนเปิด 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเดอะเบส เชิงทะเล,โครงการเศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต บ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น บนทำเลเกาะแก้ว จะเปิดตัวเดือนตุลาคมนี้ และโครงการดีคอนโด ระดับราคาเริ่มต้นล้านกว่าบาท

สมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์ บริษัทพลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ตแบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก ได้แก่ โซนในเมือง ที่มีคนไทยอยู่อาศัยประมาณ 60% และชาวต่างชาติ 40% กลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นเรียลดีมานด์ เช่น คนทำงานในพื้นที่ ชาวต่างชาติที่พำนักระยะยาว และคนไทยที่มองหาบ้านหลังที่สองในทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ใกล้แหล่งงาน โรงเรียน และศูนย์การแพทย์

และโซนรอบเมือง เช่น โซนเชิงทะเล ที่มีการลงทุนทั้งบ้านพักตากอากาศ วิลล่าหรู หรือคอนโดมิเนียมเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ต่างชาติ โดยปัจจุบันมีชาวต่างชาติอยู่อาศัยมากถึง 70–80% และกลุ่มนักลงทุนอสังหาฯคิดเป็นสัดส่วนราว 80%* ของผู้ซื้อในโซนนี้ โดยพลัสฯได้ออกแบบบริการเฉพาะในแต่ละพื้นที่ให้สอดคล้องกับแนวทางการอยู่อาศัยและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละโซน พร้อมบริการ Plus Concierge ที่ช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า อาทิ บริการแม่บ้าน ทำสวน ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ บริการขนย้ายเข้า-ออกบ้าน บริการรับส่งสนามบิน จัดการชำระค่าน้ำไฟ ดูแลการปล่อยเช่า และช่วยจัดทำเอกสารคนเข้าเมือง (Immigration) ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าที่อยู่อาศัยเองและนักลงทุนที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและปล่อยเช่า

นอกจากนี้ยังมีบริการ Never Ending Service โดยพนักงานทุกคนของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ได้ผ่านการฝึกอบรมจากสถาบัน Plus Eduplex ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ที่เปิดมานานกว่า 6 ปีผ่านหลักสูตรที่หลากหลายและทันสมัย เช่น การดูแลด้านการแต่งกายและบุคลิกภาพ, การกล่าวต้อนรับ, การสื่อสารภาษาต่างประเทศ, การดูแลทรัพย์สินมูลค่าสูง และการเรียนรู้ความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศ

โพสที่เกี่ยวข้อง