นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง“ภูเก็ต” เป็นจังหวัดที่มีการเติบโตสูง
ทั้งมูลค่าที่ดินและการพัฒนาอสังหาฯริมทรัพย์กลายเป็น Coastal City ที่มีครบทุกอย่าง
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์พรีเมี่ยมที่ทั่วโลกมองหา
ฐิติวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แค๊ปสโตน แอสเสท จำกัด เล่าให้ฟังถึงการเปลี่ยนแปลงของจังหวัดภูเก็ต โดยมีจุดเปลี่ยนหลังไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ในปี 2023 จังหวัด “ภูเก็ต” เติบโตแบบพุ่งทะยาน รวมทั้ง สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนเริ่มมองหาเมืองท่องเที่ยวสำหรับการพักผ่อนที่ปลอดภัย และ ภูเก็ต กลายเป็นตัวเลือกลำดับต้นของการเป็น Destination การมาของนักท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ได้มาแค่พักผ่อนแบบแต่ก่อนแล้ว แต่กลายเป็นกลุ่ม Expat ที่เข้ามาใช้ชีวิตระยะยาว มองหาที่อยู่อาศัยเป็นบ้านหลังที่สอง รวมทั้งจุดแข็งในเรื่องของ Wellness ที่ถูกส่งเสริมและยกระดับให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพ การใช้ชีวิตระยะยาว ซึ่งถือเป็นจุดได้เปรียบของ ภูเก็ต เทียบชั้นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำริมทะเลระดับโลก
ราคาที่ดินพุ่ง 10 เท่า ในรอบ 5 ปี เติบโตตามศักยภาพ
สาธารณูปโภคและสาธารณูปการต่างๆในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็น รีสอร์ท ที่อยู่อาศัย โรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการเติบโตของ ภูเก็ต เป็นอย่างมาก เมื่อ 20 ปี ที่แล้ว ที่ดินติดชายหาดมีการซื้อขายกันในราคา 20 ล้านบาทต่อไร่ และที่ดินใกล้หาดซื้อขายกันราวราคา 5 – 7 ล้านบาทต่อไร่ แต่หลังโควิด-19 ราคาที่ดินแปลงเดียวกัน จากเดิมที่ซื้อขายในราคา 5 – 7 ล้านบาทต่อไร่ ในปี 2023 ขยับขึ้นเป็น 20 ล้านบาทต่อไร่ และปี 2025 ราคาที่ดินขยับขึ้นเป็น 50 ล้านบาทต่อไร่ เติบโตขึ้นแบบพุ่งทะยานมากถึง 10 เท่าของเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ราคาที่ดินมีการขยับตามศักยภาพของการพัฒนา โดย ภูเก็ต Transform ตัวเอง จากเดิมที่เป็นเพียง Luxury Resort กลายเป็น Coastal City
“เราเคยซื้อที่ดินแปลงนึงไม่ติดหาดแต่อยู่ใกล้หาดในราคา 6 ล้านบาท ช่วงเวลานั้น เรามองว่าแพงมากแต่ด้วยอยู่ติดกับโรงแรมที่พัฒนาเป็นเคสบังคับที่จำเป็นต้องซื้อ ปี 2023 ถ้าหาซื้อที่ดินในบางเทาที่มีราคาขายได้ 20 ล้านบาทต่อไร่ได้ ถือว่าเก่ง”
ภูเก็ต มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หลายด้าน อาทิ โครงการขยายท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เพื่อเพิ่มความสามารถรองรับผู้โดยสารจากเดิม 12.5 ล้านคนต่อปี เพิ่มเป็น 18 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2029 – 2031 และการสร้างสนามบินนานาชาติภูเก็ตแห่งที่ 2 (Andaman international Airport) ในจังหวัดพังงาน โดยโครงการเริ่มก่อสร้างในปี 2027 และจะเปิดใช้ระหว่างปี 2030 – 2032 สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 22.5 ล้านคนต่อปี และโครงการขยายถนนสำคัญและสร้างทางด่วน เช่น ขยายทางหลวงหมายเลข 4027 เป็น 4 ช่องจราจร และก่อสร้างทางด่วนเชื่อมสนามบินกับป่าตอง ซึ่งมีแผนดำเนินงานเสร็จภายในปี 2026–2030 เพื่อบรรเทาปัญหาจราจร นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาเพื่อส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่
1. Songklanagarind Hospital Phuket โรงพยาบาลเฉพาะทางขนาด 300 เตียงของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มูลค่าลงทุน 3.14 พันล้านบาท ระหว่างปี 2026–2029 รองรับบริการด้านการแพทย์ระดับสูง เพื่อผลักดันภูเก็ตสู่ศูนย์สุขภาพระดับภูมิภาค ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของ Phuket Health Sandbox project ซึ่งมีเป้าหมายผสานการยกระดับสาธารณสุขเข้ากับการเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต
2. Bumrungrad International Hospital Phuket โรงพยาบาลบูทีคระดับพรีเมียม เตรียมเปิดปลายปี 2026 พร้อมศูนย์วินิจฉัยและ Wellness Center แบบครบวงจร
3. โครงการศูนย์ประชุมฯ (International Convention Centre) อยู่ระหว่างการพิจารณาฟื้นโครงการในพื้นที่หาดไม้ขาว ซึ่งหากมีความชัดเจน การลงทุนนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนนักประชุม นักธุรกิจ และสร้างรายได้เสริมจากกิจกรรมต่างๆ
“ภูเก็ต ยังสามารถเติบโตต่อเนื่องไปได้อีกเป็น 10 ปี นับจากปี 2025 นี้ จากที่เคยโต 10% – 12% หลังจาก 10 ปีนี้แล้ว อาจจะลดลง เติบโตราว 3% – 5% ในอีก 10 ปีต่อไป จากเดิมคอนโดฯใดก็ตามที่ส่งเข้าสู่ตลาดอสังหาฯจะขายได้หมดในระยะเวลาสั้น แต่ต่อจากนี้ไปจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว หมดช่วงเวลานั้นแล้ว โดยเฉพาะคอนโดฯที่มีราคาถูกและคุณภาพต่ำจะทำให้อัตราการขายช้าลง ใช้เวลาการขายมากขึ้น คอนโดฯระดับ Mid-High End ที่มีราคาขายช่วง 120,000 บาทขึ้นไป ยังคงไปต่อได้แต่จะต้องมีคุณภาพและการบริหารจัดการที่ดี”
เปิดก่อนได้เปรียบ “มองโอกาส” สร้างการเติบโตทางธุรกิจ
ภูเก็ต กลายเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลกจากเดิมที่มีแค่ชาวรัสเซียและจีนเป็นหลัก ปัจจุบันตลาดเปลี่ยนสร้าง diversification ต่อฐานลูกค้าใหม่ เริ่มมีชาวญี่ปุ่น อเมริกาและยุโรปให้ความสนใจเป็นอย่างมากและมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลต่อการเติบโตอย่างมั่นคงของตลาดอสังหาฯในภูเก็ต และยังเปิดรับการเป็น Global Destination อย่างเต็มตัว ซึ่ง ฐิติวัฒน์ มองเห็นถึงโอกาสการเติบโตในอนาคต จึงได้ปักหมุดพัฒนาโครงการที่มุ่งเน้นรูปแบบ “ไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Real Estate)” และ “ฮอสพิทัลลิตี้ (Hospitality Real Estate)” โดยมุ่งพัฒนาโครงการโรงแรมและคอนโดมิเนียมที่ผสานประสบการณ์ทั้งสองรูปแบบเข้าด้วยกัน เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีดีเวลลอปเปอร์รายใดจับตลาดนี้อย่างชัดเจน
ส่ง 2 โครงการ เตรียมสร้างปรากฎการณ์ระดับโลก
ฐิติวัฒน์ จึงได้ปักหมุด โครงการแรกบนทำเล ภูเก็ต บนทำเลสุดฮอตย่านบางเทา ในชื่อโครงการ “เพย์ลา ภูเก็ต บางเทา” (PEYLAA Phuket Bang Tao) มีที่มาจากการออกเสียงของภาษา Spanish + Italian แปลว่า “ไข่มุก” สอดรับกับทำเลภูเก็ต ที่เป็นเสมือน “ไข่มุกแห่งอันดามัน” ซึ่งเสียงทับซ้อนในภาษาไทยอ่านว่า “เพลา” ที่คนไทยอาจจะเข้าใจว่าเวลา ซึ่งง่ายต่อการออกเสียงและจดจำ โดยโครงการพัฒนาเป็นโปรเจ็กต์มิกส์ยูสบนพื้นที่ทั้งหมด 13 ไร่ ใน มูลค่าโครงการรวมกว่า 5,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
คอนโดมิเนียม ที่จะพัฒนาในรูปแบบ Branded Residences ที่ปัจจุบันกำลังอยู่ใสขั้นตอนการเจรจา กับ Global Brand ที่จะมาสร้างปรากฎการณ์ระดับโลก โดยสามารถเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ช่วงปลาย Q3/68 มีพื้นที่รวมประมาณ 11 ไร่ มูลค่าราว 4,000 ล้านบาท เป็นอาคารพักอาศัยสูง 7 ชั้น จำนวน 3 อาคาร รวมห้องพักทั้งหมด 408 ยูนิต ประกอบด้วย ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่เริ่มต้นที่ 45 ตร.ม. ขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ 82 ตร.ม. และ 90 ตร.ม. และห้องพิเศษคอมไบน์ 3 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 127 ตร.ม. ทุกห้องตกแต่งแบบ Fully Furnished พร้อมอยู่อาศัย
โรงแรม (Hotel) จำนวน 130 ห้อง มูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาท ระดับ Uper Upsacle และ พื้นที่เชิงพาณิชย์ (Commercial) จำนวน 4 ห้อง มูลค่าราว 150 ล้านบาท
เฟส 1 จะเริ่มก่อสร้างช่วงต้นปี 2026 และคาดว่าจะเสร็จปลายปี 2027 จำนวน 263 ยูนิต สำหรับ เฟส 2 จะเริ่มก่อสร้างช่วงกลางปี 2027 ปัจจุบัน Show Unit ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะเปิดให้ชมได้ในช่วงเวลาเดียวกันกับการประกาศความร่วมมือกับ Global Brand ที่จะมาเป็นเชนบริหาร และมีโปรแกรมลงทุนในรูปแบบ Investment Property (IP)
เราใช้ Global Brand เป็นผู้บริหารนิติบุคคลอาคารชุด ถือเป็นการยกระดับไปอีกขั้นของการอยู่อาศัย Global จะดูแลตั้งแต่การบริการ การปล่อยเช่า พร้อมสิทธิพิเศษที่เป็น Optional ทางเลือกสำหรับลูกค้า
เราเล็งที่ดินแปลงนี้มานานกว่า 10 ปี
ตั้งแต่สมัยผมทำงานอยู่ที่ บริษัท ไมเนอร์อินเตอร์เนชันแนล จำกัด (มหาชน)
พอมีการเปลี่ยนแปลงผังเมืองให้สามารถพัฒนาโรงแรมติดหาดได้ เรารีบคว้าที่ดินแปลงนี้ไว้เลย

สำหรับโครงการที่ 2 ที่ ฐิติวัฒน์ พัฒนานั้น ไม่ได้อยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต แต่เป็นพื้นที่ชายหาดที่ใกล้สนามบินภูเก็ตเพียง 20 นาที เท่านั้น อยู่ติดหาดนาใต้ จังหวัดพังงา ถือเป็นทำเลที่น่าสนใจ เพราะหาดนาใต้จะเป็น Luxury Destination ต่อจากภูเก็ต ที่จะเติบโตและจะเป็นทำเลที่มีการชิงพื้นที่พัฒนากันมากขึ้น ด้วยความสวยงามของชายหาด เดินทางสะดวกใกล้สนามบิน และธรรมชาติที่สมบูรณ์ ทำให้นาใต้ จะเป็นตัวเลือกใหม่ของเหล่านักพัฒนาอสังหาฯ
โดยโครงการแห่งนี้จะพัฒนาเป็น Lifestyle Luxury Hotel ระดับ 5 ดาว มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท บนพื้นที่ 23 ไร่ ติดหาดนาใต้ ก่อสร้างโดย บริษัท ฤทธา จำกัด ออกแบบโดยบริษัท A49 มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 150 ห้อง ในรูปแบบ Suite Room และ Villa ห้องพักที่เล็กที่สุดมีขนาดเกือบ 60 ตารางเมตร ราคาเข้าพักเฉลี่ยต่อคืนราว 18,000 บาท ปัจจุบันกำลังเจรจาอยู่กับ Global Brand ระดับโลกเช่นกัน เพื่อนำเชนโรงแรมมาบริหาร ก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปี 2027 นับเป็นระยะเวลานานมากที่ไม่มีโรงแรมใหม่เกิดขึ้นบนหาดนาใต้เนื่องด้วยข้อจำกัดของผังเมือง โครงการนี้จะเป็นโรงแรมแห่งแรกเพียงหนึ่งเดียวที่เป็น 5 Star Hotel ซึ่งจะเปิดให้บริการในอีก 2 ปี