สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านประเมินตลาดครึ่งปีหลัง 2568 ตลาดรับสร้างบ้านฟื้นตัวด้านการยกระดับการรับรู้แบรนด์ทั่วประเทศ ต้นทุนสร้างบ้านใหม่ราคาเดิม กำลังซื้อกลุ่มอยู่อาศัยจริงแข็งแรง โปรโมชันลดราคาพิเศษกระตุ้นผู้บริโภคตัดสินใจสร้างบ้านช่วงไฮซีซัน เดินหน้างานมหกรรม“รับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2025” ระหว่างวันที่ 10 – 14 กันยายน 2568 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 6 ตั้งเป้ายอดขายในงานรวม 4,500 ล้านบาท
อนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดบ้านสร้างเองช่วงครึ่งปีแรก 2568 มีมูลค่า 96,000 ล้านบาทลดลงกว่า 10% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2567 ที่มีมูลค่า 107,000 ล้านบาท โดยกรุงเทพฯและปริมณฑล ยังคงครองสัดส่วนอันดับ 1 แม้ว่ามูลค่าจะลดลง 5% โดยมีมูลค่า 19,200 ล้านบาท คิดเป็น 20%ของมูลค่าตลาดรวม และต่างจังหวัดมูลค่า 76,800 ล้านบาท คิดเป็น 80% โดยภาคใต้มีมูลค่ามากถึง 18,240 ล้านบาท คิดเป็น 19% และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมูลค่า 16,320 ล้านบาท คิดเป็น 17% ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกมีมูลค่าเท่ากันที่ 15,360 ล้านบาท คิดเป็น 16% ภาคตะวันตกมูลค่า 7,680 ล้านบาท คิดเป็น 8% และภาคกลางมูลค่า 3,840 ล้านบาท คิดเป็น 4%
ขณะที่มูลค่ารวมของตลาดบ้านสร้างเองในปี 2567 มีมูลค่า 211,000 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรก 2567 มีมูลค่า 107,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกรุงเทพฯและปริมณฑลมูลค่า 26,750 ล้านบาทคิดเป็น 25% และต่างจังหวัดมูลค่า 80,250 ล้านบาท คิดเป็น 75% โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมูลค่า 21,000 ล้านบาท ภาคใต้และภาคเหนือมูลค่าเท่ากันที่ 17,120 ล้านบาท ภาคตะวันออกมูลค่า 12,840 ล้านบาท ภาคตะวันตกมูลค่า 7,490 ล้านบาท และภาคกลางมูลค่า 4,280 ล้านบาท
ส่วนสัดส่วนแบ่งตามระดับราคาบ้าน (Segment) ซึ่งมีการเก็บข้อมูลจากยอดเซ็นสัญญาของสมาชิกสมาคมในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นกลุ่มเดิมที่ราคามากกว่า 5 ล้านบาท คิดเป็น 70% แบ่งเป็นบ้านราคา 10 – 20 ล้านบาท มีสัดส่วนการสั่งสร้างมากที่สุดคิดเป็น 26% ราคา 2.5 – 5 ล้านบาท คิดเป็น 25% ราคา 5 – 10 ล้านบาท คิดเป็น 23% ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป คิดเป็น 20% และราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท คิดเป็น 6%
ขณะที่สัดส่วนแบ่งตามระดับราคาบ้าน (Segment)ช่วงครึ่งปีแรก 2567 บ้านราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปมีสัดส่วนมากที่สุด 33% รองลงมาเป็นบ้านราคา 10 – 20 ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 25% บ้านราคา 5–10 ล้านบาทคิดเป็น 20% และบ้านราคา 2.5 – 5 ล้านบาท คิดเป็น 17% ส่วนบ้านราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาทคิดเป็น 5%
ด้านแนวโน้มของตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 เริ่มปรับเข้าสู่ภาวะฟื้นตัว หลงจากที่ติดลบ 15% ในไตรมาสแรกสู่การติดลบลดลงเหลือ 10% ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นสัญญาณบวกจากการจัดกิจกรรมกระตุ้นกำลังซื้อผ่านอีเวนต์แรกของปีนี้ คืองาน “รับสร้างบ้าน FOCUS 2025” เมื่อ 12 – 16 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีแรงส่งที่สำคัญที่กระตุ้นให้ภาพรวมตลาดครึ่งปีหลัง 2568 เริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้นทั้งในตลาดกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง นครราชสีมา เชียงใหม่ และภูเก็ต จากปัจจัยบวกด้านเรียลดีมานด์ (Real demand) หรือความต้องการสร้างบ้านของกลุ่มลูกค้าที่มีที่ดินอยู่แล้วและมีเงินออม พร้อมที่จะปลูกสร้างบ้าน ยังมีความต้องการอยู่เป็นจำนวนมาก การรับรู้แบรนด์บริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ ทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นและมั่นใจในการใช้บริการของสมาชิกสมาคมฯมากกว่าผู้รับเหมาทั่วไป โดยพิจารณาได้จากมาตรฐานงานก่อสร้างที่ชัดเจน สัญญาว่าจ้างที่รัดกุม การให้บริการหลังการขายแบบครบวงจร และสำคัญที่สุด คือสร้างบ้านแล้วได้บ้าน ไม่มีปัญหาเรื่องทิ้งงาน ขณะที่ราคารับสร้างบ้านของบริษัทสมาชิกในสมาคมฯยังไม่ปรับราคาขึ้น จึงเป็นโอกาสของผู้บริโภคที่จะสร้างบ้านใหม่ในราคาเดิม
และในช่วงไตรมาส3นี้เป็นช่วงไฮซีซันของตลาดรับสร้างบ้านที่ผู้บริโภคตัดสินใจจองปลูกสร้างบ้านในช่วงนี้มากเป็นพิเศษ รวมทั้งได้รับสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษจากสถาบันการเงินที่สามารถกู้ได้ 100% โดยสมาคมจะมีการจัดงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2025” ในวันที่ 10–14 กันยายน 2568 นี้ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 6 พร้อมส่วนลดพิเศษ อัปเกรดวัสดุพรีเมี่ยม ของแถมอีกมากมาย ลุ้นรับทองคำแท่งมูลค่ากว่า 4 แสนบาทเมื่อจองปลูกสร้างบ้านภายในงาน นอกจากนี้ยังมีแบบบ้านหลากหลายสไตล์มากกว่า 1,000 แบบ ครอบคลุมทุกระดับราคาบ้านตั้งแต่ 1 – 100 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมทีมงานสถาปนิกที่คอยให้คำปรึกษา โดยตั้งเป้าตลอด 5 วันของการจัดงานจะมียอดผู้ชมงานกว่า 11,000 คน และตั้งเป้ายอดขาย 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดจองสร้างบ้านภายในงาน 3,000 ล้านบาท และยอดติดตามหลังงานอีก 1,500 ล้านบาท