สิงห์ เอสเตทเจาะทำเลโซนตะวันตกเปิดตัวบ้านหรู “S’RIN พรานนก-กาญจนา”เริ่มต้น 45ล้าน

สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันยังไม่ดีเท่าที่ควรและมีความท้าทายจากหลายปัจจัย เริ่มตั้งแต่ในช่วงปี 2562 ที่เผชิญกับภาวะเทรดวอร์ ตามมาด้วยวิกฤตโควิด-19 เป็นเวลา 2 ปีเต็ม ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากได้ยกเลิกการโครงการคอนโดมิเนียมและหันไปพัฒนาบ้านแนวราบแทน ส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานส่วนเกินในกลุ่มบ้านราคา 3-5 ล้านบาท

ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดมหาชนหันไปพัฒนาโครงการแนวราบระดับพรีเมียมและลักชัวรีมากขึ้น โดยข้อมูลล่าสุดพบว่า 40% ของยูนิตที่เปิดใหม่ในครึ่งปีแรกของปีนี้ เป็นบ้านระดับราคาสูง 20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงและเป็นกลุ่มเป้าหมายโดยตรงของบริษัทสิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)ที่ได้ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่เริ่มต้น

ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัทสิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีจุดยืนที่ชัดเจนคือไม่กระโดดลงไปใน Price Warหรือสงครามราคา รวมทั้งจะไม่เน้นการขายสินค้าในราคาที่เกินมูลค่า และมีความยืดหยุ่นในการลงทุน โดยพร้อมที่จะลงทุนเมื่อตลาดอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม และจะชะลอการลงทุนหากตลาดไม่เอื้ออำนวย และจะนำเงินลงทุนไปใช้กับธุรกิจที่ไปได้ดี เช่น ธุรกิจโรงแรมหรืออาคารสำนักงาน ซึ่งกำลังเติบโตได้ดี สอดคล้องกับโครงสร้างรายได้หลักของบริษัท 80% มาจากธุรกิจโรงแรมและอาคารสำนักงาน ในขณะที่ธุรกิจที่อยู่อาศัย นิคมอุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐานะมีสัดส่วนเพียง 20% เท่านั้น

โดยจะเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป และคอนโดมิเนียมระดับราคา 200,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป ครอบคลุมตั้งแต่ระดับพรีเมียมไปจนถึงระดับลักชัวรี ไม่ว่าจะพัฒนาโครงการเอง หรือร่วมทุนกับพันธมิตร ภายใต้แนวคิด Craft to Last ที่พิถีพิถันและใส่ใจในทุกรายละเอียด พร้อมส่งมอบคุณค่า ประสบการณ์ และความสุขที่ยั่งยืนให้ทุกคนในครอบครัว

ซึ่งปีนี้ได้เปิดตัว 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 8,700 ล้านบาท ประอบด้วย โครงการสมิธ รามอินทราและสมิธ เกษตรนวมินทร์  ซึ่งเป็นโครงการขนาดเล็กมีมูลค่ารวมกัน 1,400 ล้านบาท ราคาประมาณ 100 ล้านบาทต่อหลัง ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนดีไซน์แบบ้านใหม่ โครงการร่วมทุนกับพันธมิตร O N E   R I V E R   พระราม 3 เป็นอาคารสูง 33ชั้น จำนวน 192 ยูนิต  มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เปิดตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำยอดขายได้แล้ว 91%ภายใน 2-3 เดือนหลังเปิดตัว

และโครงการสริน พรานนก-กาญจนา ซึ่งโครงการที่ 2 ของแบรนด์สริน หลังจากได้เปิดตัวครั้งแรกปี 2566 ภายใต้ชื่อโครงการ S’RIN ราชพฤกษ์-สาย 1 ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี ทำให้บริษัทได้ต่อยอดเปิดตัวโครงการ S’RIN พรานนก-กาญจนา มูลค่าโครงการ 4,300 ล้านบาท ทำเลโซนกรุงเทพฯฝั่งตะวันตก บนถนนพรานนก – พุทธมณฑลสาย 4 ในราคาเริ่มต้น 45 – 80 ล้านบาท

นอกจากนี้ในช่วงปลายปีนี้ บริษัทวางเป้าจะปิดการขายโครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส แปลงสุดท้าย และโครงการคอนโด ดิ เอส สุขุมวิท 36 ซึ่งมีจำนวน 338 ยูนิต เหลือขายประมาณ 10 ยูนิตเท่านั้น ส่วนโครงการ LA SOIE De S รางน้ำ ซึ่งสร้างเสร็จไปเมื่อปีที่แล้ว แม้จะเปิดตัวในช่วงวิกฤตโควิด-19 และตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าต่างชาติไว้ถึง 49% ปัจจุบันสามารถขายไปได้แล้วเกือบ 50% แล้ว โดยมีกลุ่มลูกค้ารายใหญ่กว่า 95% เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานในพื้นที่ หรือนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่าให้กลุ่มดังกล่าว

ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทสามารถปิดการขายโครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ บ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury ราคา 80 – 195 ล้านบาท จำนวน 28 ยูนิต รวมถึงโครงการเซนท์เทอร์ พัฒนาการ โฮมออฟฟิศ Multi-Use ราคาเริ่มต้นที่ 23.9 ล้านบาท จำนวน 4 ยูนิต รวมมูลค่าทั้ง 2 โครงการกว่า 3,000 ล้านบาท

สิริเกียรติ วาทะพุกกณะ รองผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาด การพัฒนาธุรกิจ พักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการสริน  พรานนก-กาญจนา เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สิงห์ เอสเตท ตั้งใจพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด Infinite Living โดดเด่นด้วยคอนเซปต์ดีไซน์ Mediterranean Revival สถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จำนวน 81 ยูนิต การออกแบบพื้นที่กลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับห้องอาหารในลักษณะ Outside-In รายล้อมด้วยสวนสีเขียว ให้กลายเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนและการใช้ชีวิตบนที่ดินขนาดใหญ่ บนพื้นที่ขนาดใหญ่ 160 ตารางวา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 440 – 630 ตารางเมตร โดยบ้านทุกหลังออกแบบให้มีพื้นที่หลังบ้านลึกถึง 3 เมตร รองรับการติดตั้งสระว่ายน้ำได้ในทุกหลัง นอกจากนี้ยังติดตั้ง Solar Rooftop ขนาด 5kW นำเข้าจาก Solar D ให้กับบ้านทุกหลัง

ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการมีทั้งคลับเฮาส์สไตล์ Groin vault พร้อมช่องแสงขนาดใหญ่เปิดรับธรรมชาติ สระว่ายน้ำระบบเกลือ แยกโซนผู้ใหญ่และเด็ก, Residence Lounge, Co-Kitchen, S-Gym,  สวนส่วนกลาง และสนามเด็กเล่น รวมถึงนวัตกรรมเพื่อสุขภาพที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย เช่น Active Air Flow System ระบบหมุนเวียนอากาศที่ช่วยลดความร้อนภายในบ้าน การวางตำแหน่งของหน้าต่างเพื่อรับลมเข้า-ออก และระบบกรองน้ำเพื่อปรับคุณภาพน้ำประปาก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน เป็นต้น

โพสที่เกี่ยวข้อง