วัน แบงค็อกชูแนวคิดการพัฒนาเมืองที่ให้กับชุมชนหลากหลายมิติในงาน “Sustainability Expo 2025”

วัน แบงค็อก และเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ กลับเข้าร่วมอีกครั้งเป็นปีที่ 6 ในงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในฐานะ “เมืองกลางใจ” ใจกลางกรุงเทพฯ โดยนำเสนอต้นแบบในการสร้างสรรค์เมืองที่เติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง ผ่านแนวคิดการออกแบบซึ่งมุ่งเน้นผู้คนเป็นศูนย์กลาง พร้อมสัมมนาฟอรั่มพิเศษในหัวข้อ “PLANET SHIFT 2025: ฝ่าวิกฤตสู่เมืองแห่งอนาคต” พบเจอที่งานได้ที่ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น G ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน ถึง 5 ตุลาคม 2568

วรวรรต ศรีสอ้าน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส โครงการ วัน แบงค็อก กล่าวว่า งาน Sustainability Expo 2025 เป็นเวทีสำคัญในการผลักดันวิสัยทัศน์สู่การลงมือปฏิบัติเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน หลังจากที่ วัน แบงค็อก เปิดตัวอย่างเป็นทางการมาเกือบหนึ่งปี เราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วถึงผลลัพธ์อันเป็นรูปธรรมจากความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์พัฒนาเมืองที่ยังยืน เราได้เห็น Third Space ที่ออกแบบพัฒนาขึ้นอย่างพิถีพิถันแห่งนี้มีส่วนส่งเสริมการเชื่อมโยงในชุมชนได้อย่างจริงจัง โครงการเพื่อชุมชนต่าง ๆ ของเราช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองอย่างชัดเจนและวัดผลได้ ขณะเดียวกัน โครงการด้านวัฒนธรรมของเราก็ช่วยเติมเต็มชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมาก จุดมุ่งหมายของเราไม่ใช่เพียงการสร้างโครงการที่เป็นแลนด์มาร์ค แต่เป็นการส่งมอบระบบนิเวศซึ่งสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนสำหรับทุกคนและทุกชุมชนที่เกี่ยวข้อง ช่วงเวลาเกือบปีที่ผ่านมาคือสิ่งยืนยันถึงความมุ่งมั่นของเราในการเป็น “เมืองกลางใจ” ของกรุงเทพฯ อย่างแท้จริง

ภายในงาน ได้จัดแสดงแนวคิดริเริ่มต่างๆ ซึ่งสะท้อนถึงการออกแบบเมืองที่มุ่งเน้นชุมชนเป็นศูนย์กลางและการส่งเสริมความมีส่วนร่วมของผู้คนและชุมชนในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อร่วมสร้างสรรค์อนาคตที่สดใสและยั่งยืนให้กับกรุงเทพฯ ซึ่งสอดคล้องกับหลัก 3 ประการในการสร้างคุณค่าทางสังคมของ กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อันประกอบด้วย ชุมชนที่เปิดกว้าง, สุขภาวะแบบองค์รวม และการสร้างโอกาส บริษัทตระหนักถึงบทบาทสำคัญของ ‘พื้นที่ที่สาม’ หรือพื้นที่นอกเหนือจากบ้านและสถานที่ทำงาน ซึ่งจากงานวิจัยของ Journal of Urban Design ชี้ให้เห็นว่าสามารถส่งเสริมการสร้างปฏิสัมพันธ์ การเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และสุขภาวะที่ดีได้

ในงาน SX2025 วัน แบงค็อก นำเสนอเนื้อหาในการพัฒนาเมืองไปพร้อมกับคุณภาพชีวิตผู้คนในแง่มุมต่างๆ ดังนี้

1. สุขภาวะที่ดีสำหรับผู้คนและสถานที่ทำงาน วัน แบงค็อก กำหนดนิยามใหม่ของสถานที่ทำงาน ที่มุ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้ทุกคนสามารถโฟกัสกับการทำงาน จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ และให้ความสำคัญกับสุขภาวะแบบองค์รวมของคนทำงาน มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพในรูปแบบต่าง ๆ เช่น โยคะ คลับนักวิ่ง และการออกกำลังกายแบบ HIIT ส่งเสริมไลฟ์สไตล์รักสุขภาพ ลดความเครียด ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน สร้างสมดุลชีวิต และมีส่วนร่วมกับสังคมในที่ทำงาน

2. เสริมพลังเยาวชนด้วยโครงการ One Bangkok Football Camp นับตั้งแต่ปี 2562 วัน แบงค็อก ได้ร่วมมือกับ ThaiBev Football Academy จัดโครงการ One Bangkok Football Camp โดยร่วมมือกับ 6 ชุมชนใกล้เคียง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเยาวชนด้วยการออกกำลังกาย ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม และสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีต่อกัน ปัจจุบัน มีเยาวชนหลายร้อยคนเข้าร่วมโครงการ หลายคนมีโอกาสก้าวไปสู่ลีกเยาวชนระดับภูมิภาค ได้ศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำ และมีคุณภาพชีวิต ที่ดีขึ้น

3. เพลิดเพลินกับงานศิลปะ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของพื้นที่ สู่การเชื่อมโยงชุมชนอันหลากหลาย  วัน แบงค็อก ผสานศิลปะและวัฒนธรรมให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างลงตัวผ่าน Art Loop เส้นทางเดินระยะทาง 2 กิโลเมตร ที่จัดแสดงผลงานศิลปะสาธารณะชิ้นเอกทั้งจากศิลปินไทยและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมอันหลากหลายต่อเนื่อง ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน เติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตในเมือง และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน

  • คอลเลกชันงานศิลปะสาธารณะ – รวบรวมผลงานศิลปะระดับโลกมากมายที่ให้ทุกคน ชื่นชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งประกอบด้วย ประติมากรรม ภาพจิตรกรรมฝาผนัง งานศิลปะดิจิทัลที่ล้ำสมัย และเฟอร์นิเจอร์สาธารณะที่ออกแบบอย่างพิถีพิถัน
  • The Wireless House One Bangkok– โครงการอนุรักษ์อาคารสถานีวิทยุโทรเลขแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นการเก็บรักษาประวัติศาสตร์ที่สำคัญของไทย รวมทั้งใช้เป็นพื้นที่ จัดแสดงนิทรรศการทางวัฒนธรรมและศูนย์การศึกษา เชื่อมโยงคนรุ่นใหม่สู่อดีตอันรุ่งเรืองของกรุงเทพฯ ซึ่งมีผู้เข้าชมแล้วเกือบ 100,000 คนนับตั้งแต่เปิดทำการ

4. ปอดขนาดใหญ่ใจกลางเมือง พื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ วัน แบงค็อก จัดสรรพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของโครงการให้เป็นพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่ง รายล้อมด้วยต้นไม้ ดอกไม้นานาพันธุ์ และมุมพักผ่อนตามจุดต่าง ๆ ทั่วทั้งโครงการ เชิญชวนผู้คนให้ออกไปเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ ร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์และออกกำลังกาย อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นที่พักพิงสาธารณะสำหรับทุกคน ในยามฉุกเฉิน

วัน แบงค็อก ยังได้เข้าร่วมฟอรั่มพิเศษ ในหัวข้อ PLANET SHIFT 2025: ฝ่าวิกฤตสู่เมืองแห่งอนาคต” ในวันที่ 3 ตุลาคม 2568 เวลา 10:00 ถึง 12:00 น. ณ SX Grand Plenary Hall ชั้น G โดยมีการกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Shaping the Future of Resilience” โดย Dr. Youssef Nassef, Director of Adaptation Division at The United Nations Framework Convention on Climate Change (UNFCCC) หลังจากนั้น จะมีการสนทนาพิเศษในหัวข้อ “The Future-Proof Paradigm: เส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน” โดย ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ต่อด้วยการเสวนาในหัวข้อ “Sufficiency in City Development: Private & Public Sectors Undertaking” นำโดย  อุรเสฏฐ นาวานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการลงทุน โครงการ วัน แบงค็อก

“The Future-Proof Paradigm เส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน” 

ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ได้นำเสนอวิสัยทัศน์การพัฒนาเมืองภายใต้แนวคิด “The Future Proof Paradigm” ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับกรุงเทพมหานคร หัวใจหลักของปรัชญาองค์กรไม่ได้อยู่ที่การสร้างสิ่งปลูกสร้างที่เป็นเพียง “ฮาร์ดแวร์” แต่คือ การสร้างพื้นที่เพื่อให้ประสบการณ์ที่ดีคงอยู่ โดยองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้วงจรชีวิตของอสังหาริมทรัพย์ยั่งยืนในระยะยาวนั้นไม่ได้มุ่งเน้นที่การก่อสร้างทางกายภาพเป็นหลัก แต่เน้นที่การจัดการและการปรับตัวตลอดช่วงเวลาการใช้งาน ประกอบด้วย การมองข้ามการก่อสร้างทางกายภาพ การก่อสร้างอาคาร รวมถึงการใช้วัสดุที่เป็นปูน เป็นเหล็ก หรือการตกแต่งที่สวยงามนั้น เป็นเพียงประมาณ 30% ของวงจรชีวิต ของอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น ส่วนสำคัญที่เหลืออีก 70% ซึ่งเป็นหัวใจหลักของความยั่งยืนในระยะยาวคือ การบริหารจัดการ (Management) เป็นเรื่องของการบริหารอสังหาริมทรัพย์,การดูแลรักษา (Maintenance) เป็นเรื่องของการดูแลรักษาอสังหาริมทรัพย์ และการอยู่ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงให้มันอยู่รอดไปได้กับช่วงเวลาและเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลง หากมีการดูแลที่ไม่ดี อสังหาริฯอาจจะเก่า เสียหาย หรือหมดประโยชน์และคุณค่าได้ก่อน แต่หากมีการดูแลที่ดีและเปลี่ยนแปลงไปได้ตามบริบทที่เปลี่ยนไป ก็อาจจะอยู่ต่อไปข้างหน้าได้

การมีเป้าหมายที่เน้นประสบการณ์และผู้คน คือการสร้างพื้นที่ที่สามารถให้ประสบการณ์ที่ดีคงอยู่ อย่างแท้จริง ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขับเคลื่อนความยั่งยืนคือการมี เป้าหมายที่ชัดเจนของบริษัท นอกจากนี้ ส่วนที่สำคัญของความยั่งยืนคือการ คิดถึงคน หรือการมองไปสู่เรื่องของคน

และการปรับตัวและนำเทคโนโลยีมาใช้  โดยต้องมองไนเรื่องของการ adapt และแนวคิดเรื่อง adaptation รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ร่วมกับแนวคิด adaptation สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้สามารถตอบโจทย์การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม

บริษัทมีแนวทางปรับตัวและใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์การใช้พื้นที่ ด้วยการมุ่งเน้นที่การจัดการในระยะยาวและการให้ความสำคัญกับผู้คน โดยการนำแนวคิดการปรับตัวและเทคโนโลยีมาผสมผสานกัน ตอบโจทย์การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม การมุ่งเน้นการใช้งานระยะยาวและผู้คนเป็นศูนย์กลาง

แนวคิดนี้ตั้งอยู่บนรากฐานของ “Sufficiency for Sustainability” หรือ “ความพอเพียงเพื่อความยั่งยืน” ซึ่งถูกตีความใหม่ให้หมายถึง ความพอดี, ความมีเหตุผล และการสร้างภูมิคุ้มกัน ในมุมมองทางธุรกิจ ความยั่งยืนคือการปิดความเสี่ยง และแม้การลงทุนในด้านนี้อาจไม่ได้ให้ผลตอบแทนทางการเงินที่สูงขึ้นในทันที แต่จะสร้าง “ผลตอบแทนที่ยั่งยืนขึ้น” ผ่านความเชื่อมั่นของลูกค้าที่ต้องการอยู่กับโครงการในระยะยาว วิสัยทัศน์ทั้งหมดนี้เกิดจากการเรียนรู้และประสบการณ์ในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก เป้าหมายสูงสุดคือการสร้าง “Ecosystem” ที่ทุกภาคส่วน ทั้งผู้ออกแบบ ผู้ก่อสร้าง และผู้ใช้งาน ทำงานร่วมกัน เพื่อพิสูจน์ว่าประเทศไทยสามารถพัฒนาโครงการคุณภาพระดับโลก และผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่เติบโตทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างไม่แพ้มหานครใดในโลก

“Sufficiency in City Development: Private & Public Sectors Undertaking” 

พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำเสนอว่าภาครัฐ (กทม.) ปูพรมสีเขียว แก้ปัญหาขยะกรุงเทพมหานครมุ่งเน้นการพัฒนาสิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจหลัก โดยมีแนวทางสำคัญ 2 ด้าน

  • เพิ่มพื้นที่สีเขียว ผ่านนโยบาย “สวน 15 นาที” เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถเดินถึงสวนสาธารณะคุณภาพดีได้ภายใน 15 นาที หรือ 800 เมตรจากบ้าน แนวคิดนี้มุ่งกระจายพื้นที่สีเขียวให้ทั่วถึง ลดความจำเป็นในการเดินทางเข้าเมือง และช่วยแก้ปัญหารถติด
  • ลดผลกระทบเชิงลบ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืนตามหลัก เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยส่งเสริมการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง โดยมองว่าขยะคือ “ทรัพยากร” ที่มีมูลค่า ไม่ว่าจะเป็นเศษอาหารที่นำไปทำปุ๋ย ขยะรีไซเคิล หรือขยะที่นำไปผลิตเป็นพลังงานสะอาด ซึ่งภารกิจนี้จะสำเร็จไม่ได้หากขาดความร่วมมือจากภาคเอกชน ภาควิชาการ และประชาชนทุกคน

อุรเสฏฐ นาวานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการลงทุน โครงการ วัน แบงค็อก กล้่าวว่า ต้นแบบการลงทุนสีเขียวภาคเอกชนอย่างโครงการ One Bangkok ถือเป็นการพัฒนาอย่างพอเพียงคือ การสร้างสมดุลและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แม้การลงทุนใน “โครงการสีเขียว” จะมีต้นทุนเริ่มต้นสูงกว่า แต่ให้ผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว

  • ลดต้นทุนดำเนินงาน : การใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานและรีไซเคิลน้ำช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมหาศาล
  • เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน : อาคารเขียวเป็นที่ต้องการของบริษัทข้ามชาติชั้นนำ
  • เข้าถึงแหล่งทุนง่ายขึ้น : โครงการที่ยั่งยืนสามารถเข้าถึง “สินเชื่อสีเขียว” (Green Loan) ได้ง่ายกว่า ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์
    ภาคเอกชนมองว่าการลงทุนสีเขียวไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็น “ต้นทุนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” เพื่อความอยู่รอดและความสำเร็จในตลาดปัจจุบัน

ดร.จิระวัฒน์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  กลไกขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน สถาบันการเงินมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านเครื่องมืออย่าง “สินเชื่อสีเขียว” การสนับสนุนนี้ไม่เพียงช่วยลดการปล่อยคาร์บอน แต่ยังสมเหตุสมผลในเชิงธุรกิจ เพราะโครงการสีเขียวมีความเสี่ยงในการดำเนินงานต่ำกว่า นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยให้ธนาคารลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมของตนเองได้อีกด้วย

สู่เมืองแห่งความพอเพียงที่แท้จริงแนวคิด “ความพอเพียง” ในระดับเมืองถูกตีความว่าไม่ใช่แค่การพัฒนาที่สมดุล แต่คือการสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ให้คนในสังคมสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้. หัวใจสำคัญคือ การกระจายประโยชน์และความสุขให้ทั่วถึงทุกคน ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่แค่บางกลุ่ม การจะไปถึงจุดนั้นได้ ต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชน ควบคู่ไปกับการเปิดโอกาสของภาครัฐ และแรงสนับสนุนจากภาคเอกชนและสถาบันการเงิน เพื่อสร้างสังคมแห่งการมีส่วนร่วมที่แข็งแกร่งและยั่งยืนอย่างแท้จริง

โพสที่เกี่ยวข้อง