พราว เรียล เอสเตท เปิดตัวอสังหาฯ หรู The Residences at InterContinental Phuket Resort มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท Branded Residences แห่งที่ 2 ในประเทศไทยภายใต้แบรนด์ระดับโลก InterContinental ตั้งอยู่บนหาดกมลา จังหวัดภูเก็ต สุดเอ็กซ์คลูซีฟจำนวน 111 ยูนิต เปิดรอบ VVIP วันที่ 18 ต.ค.นี้ พร้อมสิทธิพิเศษและการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมียมจากโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต
พสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัทพราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทยังเน้นกลยุทธ์การลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักใน 3 ทำเลหลัก คือ กรุงเทพ หัวหิน และภูเก็ต โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจะเป็นยุทธศาสตร์หลักในการลงทุนนับจากนี้ไป ซึ่งในปีนี้ได้ใช้งบประมาณซื้อที่ดินเพิ่มจำนวน1,300 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถพัฒนาเป็นโครงการที่มีมูลค่ารวม (Project Value) ประมาณ 10,000 ล้านบาท และในปีหน้าตั้งงบซื้อที่ดินเพิ่มอีก 3,000 ล้านบาทสำหรับรองรับการพัฒนาโครงการที่มีมูลค่ารวมประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาทในปี 2570-2571
โดยเงินทุนดังกล่าวจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนภายใน (Internal Cash Flow) จากการโอนคอนโดมิเนียม 2โครงการหลัก คือ โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) มูลค่าโครงการ 6,617 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามียอดโอนกรรมสิทธิ์แล้วกว่า 3,000 ล้านบาท และโครงการเวหา หัวหิน (Vehha Huahin)มูลค่าโครงการ 2,317 ล้านบาท มียอดโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว 510 ล้านบาท คาดว่าทั้งสองโครงการจะปิดการขายได้ภายในต้นปีหน้า นอกจากนี้บริษัทยังได้รับการสนับสนุนการเงินจากสถาบันการเงิน (Bank Support) ในด้านสินเชื่อ Project finance และมีเครื่องมือทางการเงินในการระดมทุนได้ค่อนข้างดี
ด้านผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกปี 2568 มีรายได้รวม 3,774 ล้านบาท ถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่ (All time high) ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์สูงกว่าครึ่งปีแรก จากการทยอยโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมโครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการเวหา หัวหิน นอกจากนี้บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) ณ ช่วงครึ่งปีที่ผ่านอยู่ที่ 7,700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงปี 2568-2569 อย่างไรก็ตามประเมินว่าจนถึงสิ้นปี 2568 นี้ Backlog จะอยู่ที่ประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท
บริษัทอยู่ระหว่างการจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในโครงการจากผลกระกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา คาดว่าการแก้ไขเรื่องดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือน พฤศจิกายนนี้ รวมถึงการจัดการเรื่องการโอนห้องชุดของลูกค้าต่างชาติในการนัดหมายมาโอน ซึ่งต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน
โดยล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดขายโครงการ The Residences at InterContinental Phuket Resort มูลค่าการลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท (ประมาณ 77 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งถือเป็นโครงการ Branded Residences แห่งที่ 2 ในประเทศไทยภายใต้แบรนด์ระดับโลกอย่าง InterContinental ซึ่งจะเปิดรอบ VVIP ในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ ณ บ้านจิม ทอมป์สัน
ทั้งนี้โครงการ The Residences at InterContinental Phuket Resort เป็นคอนโดมิเนียมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จำนวนจำกัด 111 ยูนิต บนที่ดิน 3.5 ไร่บนหาดกมลา ซึ่งเป็นทำเลที่ตั้งที่ดีที่สุดทางฝั่งตะวันตกของเกาะ เนื่องจากลูกค้าต้องการเข้าถึงชายหาดและทะเล โดยหาดกมลา (Kamala) เป็นหนึ่งในหาดสำคัญ ที่สามารถให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว (private) สวยงาม สงบ แต่มีความครึกครื้นได้ในเวลาเดียวกัน และยังเป็นหนึ่งใน 3 หาดในภูเก็ตที่สามารถเล่นเซิร์ฟได้
ออกแบบเป็นอาคารสูง 7ชั้น 2 อาคาร และอาคาร Facilities สูง 3ชั้นอีก 3อาคาร ห้องชุดมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบทุกห้องมีหน้ากว้างเริ่มต้นที่ 6.3 เมตร และกว้างที่สุดคือ 25 เมตร มีตั้งแต่ 1 ห้องนอนขนาด 59-76 ตารางเมตร ถึง3 ห้องนอนขนาด203-215 ตารางเมตร และห้องเพนต์เฮาส์หรู 3 ยูนิต แบบ 4ห้องนอน จูเนียร์ พื้นที่ใช้สอย 201 ตารางเมตรจำนวน 2ยูนิต และ 5 ห้องนอน 1ยูนิต ขนาด 425 ตารางเมตรอีก 1ยูนิต พร้อมเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียมครบครัน ในราคาเริ่มต้น 15-130 ล้านบาท เฉลี่ย 250,000-300,000 บาทต่อตารางเมตร
โดยจะเริ่มก่อสร้างในเดือนพฤศจิกายน 2568 และมีกำหนดสร้างเสร็จในไตรมาส 3 ปี2570 คาดดว่าภายในสิ้นปีนี้จะทำยอดขายได้ กว่า20% โดยเน้นกลุ่มลูกค้าต่างชาติเป็นหลักในสัดส่วน 49% รวมถึงการปล่อยเช่าในระยะยาว 30ปีให้กับลูกค้าต่างชาติ
ตลาด Branded Residence เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง และแม้จะมีอุปทานน้อย แต่ประเทศไทยกได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนา Branded Residence อย่างเข้มข้น โดยมีการโฟกัสการลงทุนในทำเล Prime ทางฝั่งตะวันตกของเกาะ เช่น หาดกมลา หาดสุรินทร์ หาดบางเทา เนื่องจากลูกค้าต้องการเข้าถึงชายหาดและทะเล และต้องการบรรยากาศที่สวยงาม สงบ และครึกครื้นได้ในเวลาเดียวกัน”
ระบบโครงสร้างพื้นฐาน-สนามบิน- Health & Wellnessพร้อม
ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้ตลาดอสังหาฯระดับลักชัวรี โดยเฉพาะตลาดที่พักอาศัยแบบมีแบรนด์ (branded residence) ในภูเก็ตเติบโตอย่างโดดเด่นและเป็นที่สนใจของนักลงทุน มาจากทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว ความมั่นคงของสินทรัพย์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และการมุ่งเน้นตลาดเฉพาะที่มีกำลังซื้อสูง
โดยเฉาะในพื้นที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วที่สุดในประเทศ โดยภูเก็ตถูกจัดว่าเป็น “Pocket” ของการเจริญเติบโตที่ใหญ่มาก โดยมี GDP เติบโตขึ้นประมาณ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ และมีการเติบโตสูงถึงประมาณ 33% หลังจากสถานการณ์โควิด ซึ่งทำให้ภูเก็ตเป็นพื้นที่ที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย ขณะที่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและความแน่นอนสูง คือ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตรงกันข้ามกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆที่ผู้คนเริ่มขาดความเชื่อมั่นในการถือครอง และยังได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีเยี่ยม (Income Strategy)จากการปล่อยเช่า โดยราคาต่อตารางเมตรในการปล่อยเช่าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,000 ถึง 2,000 กว่าบาทในบางกรณี โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามางท่อง้ที่ยวพักผ่อนและสนใจซื้ออสังหาฯเพื่อการลงทุน
เนื่องจากเกาะภูเก็ตมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก ทั้งด้านการเดินทาง สาธารณูปโภค และคุณภาพชีวิต การขยายสนามบินเฟสแรกสำเร็จแล้ว ส่วนเฟสสองมีแผนขยายพื้นที่รันเวย์เพิ่มเพื่อจอดเครื่องบิน และพัฒนาพื้นที่อาคารผู้โดยสาร เพื่อรองรับผู้โดยสารประมาณ 18 ล้านคนภายในปี 2572 รวมถึงโครงการสนามบินนานาชาติภูเก็ตแห่งที่ 2 ในจังหวัดพังงา ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและจำนวนคนที่เข้ามาในพื้นที่ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในระบบขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหารถติดในบางจุด เช่น โครงการรถไฟรางเบาที่เชื่อมต่อตั้งแต่พังงายาวไปจนถึงอ่าวฉลองทางใต้ของเกาะ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ซึ่งจะมีโครงการ Tourist Digital Sandbox ที่พัฒนาต่อมาจาก Phuket Crypto Sandbox ที่สนับสนุนการใช้จ่ายด้วย Cryptocurrency หรือ Stable Coin ในd]6j,นักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางเศรษฐกิจและดึงเม็ดเงินใหม่เข้ามา
ด้านการดูแลสุขภาพ (Health & Wellness) ได้มีการพัฒนาด้านเวลเนสเพื่อสร้างมูลค่าให้กับชีวิต โดยมีโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เตรียมงบลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาทสำหรับสร้างโรงพยาบาลใหม่ มีการลงทุนในเรื่องน้ำทั้งน้ำดื่มและน้ำเพื่อการอถปโภคบรอโภค และการจัดการขยะ โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าเผาขยะที่ใช้เทคโนโลยีจากญี่ปุ่น เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Zero Waste ของประเทศ
พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัทพราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า The Residences at InterContinental Phuket Resort ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด ‘Live Beyond Boundaries in Paradise’ ตั้งอยู่บน Millionaire Mile ที่โด่งดังของภูเก็ต ซึ่งเป็นย่านสุดพิเศษที่ได้รับการยกย่องในด้านความงดงามของธรรมชาติและไลฟ์สไตล์อันหรูหรา ในบริเวณ ‘Hidden Gem’ ของภูเก็ตนี้ ที่ผู้อยู่อาศัยจะได้พักผ่อนไปกับบรรยากาศเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติ แต่ยังได้รับความสะดวกสบายในการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ขณะที่โครงการ The Residences at Intercontinental Phuket Resort เป็น Branded Residence โครงการแรกและโครงการเดียวของภูเก็ต ที่มาพร้อมกับการบริการระดับโลกจากเครือ IHG Hotels & Resorts (IHG) ซึ่งปัจจุบันในบรรดา Intercontinental Residence มี 4 โครงการทั่วโลก รวมถึงหัวหิน และ 2 โรงแรมที่ในเวียดนาม ส่วนโครงการที่ภูเก็ตนี้เป็นโครงการเดียวในปัจจุบันที่ตั้งอยู่ติดกับโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล และเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม
ส่วนทำเลที่ตั้งอยู่บนหาดกมลา (Kamala Beach)ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น Luxury Hub ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภูเก็ต ที่มีความงดงามและเงียบสงบ แต่ยังคงมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งร้านอาหาร, โรงแรม 5 ดาว, และกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้ชีวิตดำเนินไปตามจังหวะของตัวเอง ขณะที่ที่ดินส่วนใหญ่ที่ติดทะเลในบริเวณกมลาเป็นที่ดินราชพัสดุ ซึ่งส่งผลให้มีข้อจำกัดของจำนวนโครงการที่สามารถเกิดขึ้นได้
นอกจากนี้คามพิเศษของโครงการที่ตั้งอยู่ติดกับโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ทำให้ลูกบ้านสามารถเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็ได้รับบริการและมี Facility สำหรับโรงแรม 5 ดาว ทั้งหน้าหาดส่วนตัวและสระน้ำ ร้านอาหารหลากหลาย รวมถึงร้านอาหารที่ได้รับรางวัลมิชลิน, สปา, และ Kid Club
การออกแบบโครงการ The Residences at Intercontinental Phuket Resort ได้รับแรงบันดาลใจหลักมาจากหลายแหล่ง ซึ่งผสานรวมกันระหว่างตำนาน ความเชื่อ วัฒนธรรมท้องถิ่น และประวัติศาสตร์ของภูเก็ตโดยแนวคิดหลักทางสถาปัตยกรรม “Feast Paradise” ได้แรงบันดาลใจที่มาจากการนำประวัติศาสตร์และความเป็นเมืองท่าเก่าแก่ของภูเก็ตมาผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมท้องถิ่น
ส่วนการออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมที่เกิดจากการเป็นเมืองท่าเก่าแก่ของภูเก็ต ที่มีทั้งวัฒนธรรมชิโน-โปรตุกีส (ชิโน โปรตุกีส) และเพอรานากัน (พราณกร์) ซึ่งเป็นผลมาจากการผสมผสานทางประวัติศาสตร์และทำให้เกิดสถาปัตยกรรมที่งดงาม โดยการออกแบบสถาปัตยกรรมภายนอกได้ดึงลักษณะของสถาปัตยกรรมดั้งเดิมมาใช้ เช่น อาคารที่มี “คิ้ว” และ “ย่อง อาร์ต” ส่วนการออกแบบภายในใช้สไตล์รีสอร์ทร่วมสมัยแบบเพอรานากัน (Contemporary Peranakan resort style) โดยถ่ายทอดความงดงามของศิลปะท้องถิ่นภูเก็ต ผสานเข้ากับความหรูหรา โยอิงตำนานไตรภูมิพระร่วงและแนวคิด “สวรรค์” (Paradise) ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ที่ใช้มาตั้งแต่ตอนทำโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต