แสนสิริ เร่งเครื่อง Green Mission ปรับเป้า Net zero เร็วขึ้น 15 ปี จากเดิมปี 2065 เป็นปี 2050

แสนสิริเดินหน้าสู่ความยั่งยืนเต็มกำลัง ผ่านการคิดใหญ่และทำจริงอย่างต่อเนื่องกับพันธกิจสีเขียวสู่แนวคิด “Sansiri Sustainable Design” การสร้างที่อยู่อาศัยที่โอบรับความยั่งยืน นวัตกรรม รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ขยายผลสู่ 25 โครงการใหม่ทั่วประเทศ ครอบคลุมบ้านและคอนโด ผ่าน 4 หัวใจการออกแบบอย่างยั่งยืน Cooliving Design, Resource Efficiency, Green Materials และ Health and Well-being Design วางเป้าหมายสู่ Net zero เร็วขึ้น 15 ปี จากเดิมปี 2065 เป็นปี 2050

คุณพีร์ โปษยานนท์ (ที่ 2 จากซ้าย) ทีม Product Design ร่วมกับคุณอิทธิกร วงศ์ศรีศุภกุล (ที่ 3 จากซ้าย) คุณภัสสรวง ร่มรื่น (ขวา) ทีม Sustainable จากแสนสิริ และคุณมะนาว ศรศิลป์ มณีวรรณ์ (ซ้าย) KOL รุ่นใหม่สาย Healthy

 

พีร์ โปษยานนท์ ทีม Product Design บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เล่าถึงความสำคัญที่ทีมงานแสนสิริใส่ใจตั้งแต่กระบวนการคิด ขั้นตอน และวิธีการ จึงได้เดินหน้ากลยุทธ์ความยั่งยืน ผ่านการยกระดับ “Sansiri Sustainable Design” พัฒนาที่อยู่อาศัยให้เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่ยั่งยืน ทั้งสุขภาพกาย สุขภาวะใจ และการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน นำร่องใน 25 โครงการแสนสิริ ครอบคลุมบ้านและคอนโด ตอกย้ำพลังแห่ง Design Leader ผ่านการออกแบบที่เห็นผลจริงและความมุ่งมั่นในปรัชญาที่พร้อมทำอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ที่อยู่อาศัยในอนาคตไปพร้อมกับการแสดงพลังรักษ์โลกอย่างยั่งยืน

ในฐานะ Design Leader แสนสิริเชื่อว่าความยั่งยืนต้องเริ่มต้นที่ ‘ต้นน้ำ’ อย่างแท้จริง” จึงนำ Green Architecture & Design มาเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาสินค้า และมองว่าที่อยู่อาศัยเป็นพื้นที่สร้างชีวิต และชีวิตที่ดีเกิดขึ้นจากการออกแบบที่ดี โดยทำการศึกษาวิเคราะห์และปรับแต่ง (Customize) การออกแบบอย่างละเอียด เพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด

“ทุกวันนี้ คำว่า ‘ยั่งยืน’ มีความหมายที่ลึกซึ้งมากขึ้น ความยั่งยืนอยู่คู่กับคนอาจไม่เพียงพอ แต่เป็นความยั่งยืนที่อยู่ร่วมกันกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เราไม่ได้แค่สร้างภาพแต่เราต้องการสร้างชีวิตที่ดี มีคุณภาพ ไปพร้อมกับการสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อให้คนมีชีวิตอยู่อย่างยั่งยืน ตระหนักถึงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เราจึงนำสิ่งเหล่านี้เข้ามาผสมผสานการออกแบบเพื่อให้ที่อยู่อาศัยที่สร้างขึ้นนอกจากดีต่อคนแล้วยังดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย” พีร์ เล่าถึงที่มาของการออกแบบโปรดักส์ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด

จึงนำมาสู่แนวคิดที่สำคัญคือ “Sansiri Sustainable Design” การพัฒนาการออกแบบและส่งมอบที่อยู่อาศัยของแสนสิริ ซึ่งเป็นบ้านที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และรองรับการอยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตของลูกบ้านอย่างดีที่สุดในทุกมิติ จึงเกิดเป็นแคมเปญ “Sustainable Happiness: สร้างสุขที่ยั่งยืน” เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสถึงนิยามใหม่ของการอยู่อาศัยที่มากกว่า “ที่อยู่” แต่คือการ “ใช้ชีวิต” ที่แข็งแรง มีความสุข และใส่ใจต่อโลกในระยะยาวได้ ผ่านแนวคิดการออกแบบที่เน้นการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงาน การออกแบบที่สอดคล้องกับสภาพอากาศและวิถีชีวิตไทย

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญ คือการถอดรหัสความสำเร็จเพื่อต่อยอดองค์ความรู้และแนวทางปฏิบัติจาก “Sansiri Sustainable Home Prototype 1” ซึ่งเป็นบ้านต้นแบบนวัตกรรมยั่งยืนแห่งแรกของไทยจากแสนสิริ โดยการนำแนวคิดและองค์ประกอบด้านวัสดุ เทคโนโลยี และการออกแบบที่ผ่านการวัดผลและพิสูจน์ประสิทธิภาพแล้ว มาขยายผลและประยุกต์ใช้สู่โครงการต่างๆ ของแสนสิริกว่า 25 โครงการ ได้แก่ เศรษฐสิริ เดอะ เบส และดีคอนโด รวมถึง 2 โครงการใหม่อย่าง วาลเลส เฮาส์ และ ไวด์เด็น บาย แสนสิริ ซึ่งการขยายผลนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มขนาดการดำเนินงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยที่มุ่งเน้นความยั่งยืน โดยการนำนวัตกรรมที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากบ้านต้นแบบนวัตกรรมยั่งยืนมาปรับใช้ในรูปแบบและบริบทที่หลากหลายตามความต้องการของตลาดและลูกค้ากลุ่มต่างๆ สร้างการเติบโตให้กับทุกภาคส่วนต่างๆ ใน Ecosystem ของอสังหาริมทรัพย์

Sansiri Sustainable Design ประกอบไปด้วย 4 แกนหลักที่เป็นหัวใจสำคัญแห่งความยั่งยืนที่ “จับต้องได้” และ “เห็นผลจริง” ทำให้ลูกบ้านได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ประหยัดพลังงาน และดีต่อโลก

1. Cooliving Design (นวัตกรรมบ้านเย็นสู้โลกร้อน)

• การออกแบบที่คำนึงถึงทิศทางแสงแดดและลมตามธรรมชาติ
• ใช้ กระจกเขียวตัดแสงพิเศษที่สามารถป้องกันรังสี UV ได้สูงถึง 93% และรังสีอินฟราเรดได้ 97% ทำให้บ้านเย็นสบายแม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของไทย

2. Resource Efficiency (ประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรสูงสุด)

• เพิ่มการใช้พลังงานสะอาดและนวัตกรรมการจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ

3. Green Materials (ใช้วัสดุรักษ์โลก ลดคาร์บอน)

• มุ่งเน้นการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและกระบวนการผลิตที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ
• พร้อมนำแนวคิด Upcycling นำวัสดุเหลือใช้จากการก่อสร้าง เช่น เศษหินอ่อน มาออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดขยะจากการก่อสร้าง

4. Health and Well-being Design (ออกแบบเพื่อสุขภาพและสุขภาวะที่ดี)

• มอบอากาศบริสุทธิ์ตั้งแต่ลมหายใจแรกด้วยนวัตกรรมการกรองอากาศและฆ่าเชื้อโรค พร้อมระบบแรงดันบวก ป้องกันฝุ่น PM และมลพิษจากภายนอก
• ใช้วัสดุตกแต่งภายในและเฟอร์นิเจอร์ที่มีคุณสมบัติ Zero-VOCs (ปลอดสารระเหย)
• ส่งเสริมคอมมูนิตี้ยั่งยืนด้วยพื้นที่ Sansiri Backyard ให้ทุกคนปลูกผักสวนครัวปลอดสาร และที่สำคัญคือการออกแบบเพื่อทุกวัย (Universal Design) เพื่อความปลอดภัยและสุขภาวะที่ดีในระยะยาว

จากข้อมูลสถิติที่แสดงให้เห็นว่ากรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในประเทศไทย โดยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 40 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ด้วยจำนวนประชากรที่มากกว่า 10 ล้านคน ส่งผลให้เกิดการผลิตและบริโภคที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญที่แสนสิริได้แสดงพลังให้เห็นถึงการ “คิดใหญ่ – ทำจริง – ต่อเนื่อง” เพื่อพิสูจน์ว่า Sustainability ไม่ได้เป็นแค่แนวคิดเพียงเท่านั้น แต่เป็นกุญแจสำคัญที่ขับเคลื่อนการสร้างเมืองแห่งอนาคตที่มีความยั่งยืนได้ในที่สุด

การดำเนินงานในครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะยกระดับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยตั้งแต่ต้นน้ำไปยังปลายน้ำสู่มาตรฐานสากล และตอกย้ำตัวจริงในวงการอย่างแสนสิริในฐานะผู้นำด้านดีไซน์ คุณภาพโครงการ การบริการหลังการขาย และความยั่งยืนที่แท้จริง เพื่อพุ่งสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่คือการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกที่ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050

Net Zero 2050 ไม่ใช่แค่ “พันธกิจด้านสิ่งแวดล้อม” แต่คือ “กลยุทธ์การอยู่รอด” ของทุกธุรกิจในประเทศไทยบนเวทีโลก ในยุคที่กฎเกณฑ์การค้าและข้อกำหนดด้าน ESG เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจที่ปรับตัวทันและผสานความยั่งยืนเป็นหัวใจหลักของกลยุทธ์ ทุกองค์กร และทุกภาคส่วนต้องเริ่มลงมือ “ทำจริง” ตั้งแต่วันนี้ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ที่สุดในระดับโลกต่อไป

Net Zero บางทีดูเหมือนเป็นนโยบายขององค์กร แต่จริงๆแล้วเป็นเป้าหมายของทั้งโลก
เพราะเราอยู่โลกใบเดียวกันไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว
…เราต้องช่วยกันเพื่อโลกที่ยั่งยืน…

 

โพสที่เกี่ยวข้อง