กลุ่มแสนสิริเป็นหนึ่งในดีเวลลอปเปอร์รายแรกๆที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบคอมมูนิตี้ (Community) มาตั้งแต่ปี 2548 ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ในรูปแบบ “Sansiri Community” ทั้งหมด 17 แห่งกว่า 3,700 ไร่ มูลค่าการลงทุนสูงถึง 1 แสนล้านบาท ภายใต้ความตั้งใจที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างสังคมที่อยู่อาศัยสมบูรณ์แบบในทุกทำเลให้กับลูกค้า
อาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในลักษณะคอมมูนิตี้ (Community) เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของแสนสิริซึ่งได้ลงทุนมาตั้งแต่ปี 2548 เพื่อเพิ่มศักยภาพของที่ดินและความคุ้มค่าในการลงทุน รวมถึงการตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในแต่ละทำเล โดยมีปัจจัยในการตัดสินใจพัฒนาโครงการจากขนาดและศักยภาพของที่ดินที่ต้องเป็นที่ดินแปลงใหญ่ และมีขนาดที่ดินระดับ 200 ไร่ขึ้นไป
นอกจากนี้ยังต้องมีความคุ้มค่าในการลงทุน เนื่องจากโครงการคอมมูนิตี้ใช้เงินทุนสูงในการลงทุน ดังนั้นจึงต้องมั่นใจว่าการพัฒนาโครงการนั้นจะคุ้มค่า และต้องเป็นทำเลที่มีโอกาสและเป็นทำเลเชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะทำเลที่อยู่ใกล้โรงเรียนนาชาติ เช่น คอมมูนิตี้ T77 มีโรงเรียนนานาชาติบางกอกกรุงเทพฯ หรือโครงการบริเวณซาฟารีเวิลด์ก็มีโรงเรียนสาธิตพัฒนาอยู่ใกล้ และยิ่งหากมีห้างสรรพสินค้าอยู่ใกล้ด้วยก็จะยิ่งสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นไปอีก
“การสร้างคอมมูนิตี้ไม่ใช่แค่การสร้างบ้าน แต่เป็นการสร้างจุดขายผ่านพื้นที่ส่วนกลาง ที่เชื่อมโยงกันระหว่างสมาชิกและเพื่อนบ้าน ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าได้พื้นที่ใช้สอยที่นอกเหนือจากพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการของตะเองเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถวิ่งออกกำลังกายหรือปั่นจักรยานได้จริง นอกจากนี้การสร้างคอมมูนิตี้ยังช่วยให้มูลค่าของที่ดินในคอมมูนิตี้นั้น ๆเพิ่มสูงขึ้นด้วย”
ปักหมุดแลนด์มาร์คแห่งการอยู่อาศัยใหม่ในโซนเหนือ
โดยล่าสุดบริษัทได้สานต่อความสำเร็จโมเดล Sansiri Community ด้วยการเปิดตัว ”แสนสิริ จตุโชติ คอมมูนิตี้” (Sansiri Chatuchot Community) บนพื้นที่ 185 ไร่ ภายในโครงการประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรร 3 โครงการ มูลค่ารวม 7,700 ล้านบาท รองรับการเติบโตของศักยภาพทำเล โดยเฉพาะโซนจตุโชติ รามอินทราและวัชรพล ที่มีการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมที่ครบครันต่อเนื่อง ช่วยประหยัดเวลาการเดินทาง และเชื่อมต่อเข้าเมืองและออกนอกเมืองได้ง่าย
ล่าสุดได้เปิด 2 โครงการใหม่ ได้แก่ บุราสิริ จตุโชติและสราญสิริ จตุโชติ มูลค่ารวม 4,580 ล้านบาท ได้รับการตอบรับดีอย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะกวาดยอดขายจาก 2 โครงการได้กว่า 1พันล้านบาท ส่วนที่ดินที่เหลืออีก 80ไร่ อยู่ระหว่างวางแผนการพัฒนาและออกแบบโครงการ รวมถึงแบรนด์สินค้า เพื่อรองรับการเปิดตัวโครงการในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้าจะปิดการขายและพัฒนาแล้วเสร็จทั้ง 3 โครงการภายใน 5 ปี
โดยโครงการบุราสิริ จตุโชติ (Burasiri Chatuchot) มูลค่าโครงการ 2,080 ล้านบาท ที่เป็นการต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์บ้านเดี่ยวสไตล์รีสอร์ทที่ได้รับความนิยมจากลูกค้ามายาวนาน เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างแสนสิริและมิตซุย ฟุโดซัง เอเชีย ดีเวลลอปเมนท์ (ไทยแลนด์) ออกแบบเป็นบ้านเดี่ยวสไตล์ New England Colonial ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 49 ไร่ มีจำนวน 124 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 13.99-25 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 246-384 ตารางเมตร เน้นความโอ่โถงด้วยช่องแสงขนาดใหญ่แบบ Double Volume มี 4-5 ห้องนอน 4-6 ห้องน้ำ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งสระว่ายน้ำ สระเด็ก ห้องออกกำลังกาย Sansiri Backyard ห้องรับแขกแบบส่วนตัว และ Education Playground เป็นต้น
ส่วนโครงการสราญสิริ จตุโชติ (Saransiri Chatuchot) มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท เป็นการกลับมาของแบรนด์สราญสิริในโซนรามอินทราอีกครั้ง พร้อมดีไซน์ซีรีส์ล่าสุด Urban Farmhouse ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 70 ไร่ มีจำนวนทั้งหมด 265 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 8.59-15 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ใช้สอย 174-244 ตารางเมตร การออกแบบเน้นฟังก์ชันครบครัน อาทิ Bay Window ในห้องนั่งเล่นเพื่อรับแสงธรรมชาติ, ห้องนอนกว้างขวาง, จอดรถได้สูงสุด 3 คัน และมีห้องนอนชั้นล่างในบ้านทุกแบบ พร้อมพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่รวมกว่า 6 ไร่
Sansiri Chatuchot Community ตั้งอยู่บนถนนจตุโชติ เข้า-ออกเมืองง่ายเพียง 5 นาทีถึงจุดขึ้น-ลงทางด่วนฉลองรัชและยังเชื่อมต่อทางด่วนกาญจนาภิเษก นอกจากนี้ยังใกล้กับถนนเทพรักษ์ ทำให้เดินทางสู่ท่าอากาศยานดอนเมืองและถนนวิภาวดีรังสิตได้อย่างรวดเร็ว รายล้อมด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ทั้งศูนย์การค้าชั้นนำ อาทิ Central EastVille, Market Place เทพรักษ์ และ Community Mall ต่าง ๆ รวมถึงสถานพยาบาล เช่น โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา และสถาบันการศึกษาชั้นนำคุณภาพ อาทิ โรงเรียนสาธิตพัฒนา และโรงเรียนนานาชาติ Ruamrudee International School Early Years Campus