อัปเดตความคืบหน้าของเกี่ยวกับโครงการมิกซ์ยูส (Mix-use) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ Super Core CBD บริเวณหัวมุมถนพระราม4และสีลม ที่มีขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 11,200 ตารางเมตร “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” (Dusit Central Park) ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญหลายส่วน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการที่พักอาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรี (Ultra Luxury) ที่ชื่อ The Residences at Dusit Central Park ที่กำลังจะก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จและเตรียมโอนห้องชุดให้กับลูกค้าได้ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า
หลังจากพื้นที่หลัก 3 ส่วนหลัก ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ (Dusit Thani Bangkok)ได้เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีที่ผ่านมา และเพิ่งมีการจัดงานฉลองครบรอบ 1 ปีของการเปิดโรงแรมไปเมื่อเดือนที่แล้ว อาคารสำนักงาน ซึ่งบริหารจัดการโดยกลุ่ม CPN (Central Pattana) ที่ได้เริ่มทยอยเปิดให้คนเข้ามาเช่าพื้นที่และตกแต่งภายใน (renovate) ตั้งแต่ต้นปี และได้เปิดตัวอย่างเป็นการทางเมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมาพร้อมกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค (Central Park และสวนสาธารณะลอยฟ้าขนาด 7ไร่ “สวนดุสิตอารุณ” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีนับตั้งแต่เปิดตัว มีผู้เข้าใช้บริการเฉลี่ยวันละประมาณ 3,000-4,000 คน
โดยส่วนที่โครงการที่พักอาศัยระดับ Ultra Luxury คือ The Residences at Dusit Central Park ปัจจุบันงานโครงสร้างหลักมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ขณะนี้ได้สร้างไปถึงชั้นที่ 67-68 แล้ว คาดการณ์ว่าจะมีการปิดท็อป (Top Off) โครงสร้างอาคารได้ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ส่วนงานตกแต่งภายในก็จะดำเนินต่อไปทันที ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จและโอนห้องชุด ลูกบ้านของโครงการนี้จะสามารถเข้าถึงไลฟ์สไตล์และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดในพื้นที่มิกซ์ยูสได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน ช้อปปิ้ง หรือการทำงานในโครงการ Dusit Central Park ที่มีการเชื่อมโยงและสร้างประโยชน์ต่อพื้นที่ชุมชนโดยรอบ
ละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทวิมานสุริยา จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการเดอะ เรสซิเดนเซส แอท ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค (The Residences at Dusit Central Park)เป็นที่พักอาศัยระดับอัลตราลักชัวรี ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของโครงการมิกซ์ยูส “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” มีความสูงถึง 69 ชั้น หรือมีความสูงเท่ากับ299 เมตร จำนวน406 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายกว่า 94% โดยมีห้องชุดแบบ 2 ห้องนอนเหลือขายมากที่สุด ขนาด 85 และ 185 ตารางเตร รวมถึงห้องเพ้นท์เฮ้าส์ 2 ยูนิตจากทั้งหมด 7 ยูนิต เป็นห้องชุดแบบ Douplex ขนาด 450 และ 910 ตารางเมตรที่เน้นการเจรจาและการเสนอขายแบบพิเศษ ขณะที่ห้องชุดในปัจจบันราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 4-5 แสนบาทต่อตารางเมตร คาดว่าจะเริ่มทยอยส่งมอบและโอนที่พักอาศัยให้กับลูกค้าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568ไปจนถึงต้นปี 2569 และจะเริ่มต้นสัญญาเช่ากับลูกค้าตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปภายใต้สัญญาเช่า 59 ปีครึ่ง เนื่องจากที่ตั้งของโครงการดุสิตเซ็นทรัล พาร์ค เป็นที่ดิน Leasehold ของสำนักงานพระคลังข้างที่

โดยจุดเด่นที่ทำให้โครงการแห่งนี้แตกต่างคือความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดและคำนึงถึงความต้องการของลูกบ้านเป็นสำคัญ พร้อมยกระดับการพัฒนาโครงการตามมาตรฐานสูงสุด LEED Gold v4.1 Residence Multi-Family เพื่อให้ลูกบ้านมั่นใจได้ถึงคุณภาพชีวิตที่ดีแบบองค์รวมในทุกมิติ ทั้งคุณภาพอากาศ ความสะอาด ความเป็นส่วนตัว และความสบายในการพักอาศัย
ล่าสุดได้ร่วมมือกับผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์หรูชั้นนำของประเทศไทย ได้แก่ Arkitektura และ Euro Creations’ และแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่โดดเด่นในด้านดีไซน์อย่าง Muse Design ร่วมถ่ายทอดมุมมองการใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ผ่านการออกแบบและตกแต่งห้องตัวอย่าง 3 ยูนิต 3 คอนเซปต์ เพื่อเป็นแนวทางให้ลูกบ้านในการตกแต่งที่พักอาศัยผ่านมุมมองและเลย์เอาท์ของห้องจริง ตลอดจนการเลือกและนำเสนอเฟอร์นิเจอร์ที่สะท้อนถึงรสนิยมและเอกลักษณ์ของผู้พักอาศัยบนพื้นที่จริงของโครงการ
กรกช เจริญปลั่ง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายขาย, การตลาด และลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท วิมานสุริยา จำกัด กล่าวว่า The Residences at Dusit Central Park เป็นโครงการที่พัฒนาขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะสร้างประสบการณ์การพักอาศัยที่เหนือระดับและจับต้องได้จริง ด้วยความเป็น Branded Residences มาตรฐานสูง ที่สะท้อนประสบการณ์เกือบ 60 ปีของดุสิตธานีในการให้บริการแบบมืออาชีพอย่างแท้จริง และทราบว่า Real Gracious Hospitality คืออะไร ทำให้โครงการออกแบบครอบคลุมทุกด้านของการใช้ชีวิตทั้งที่พักอาศัย การบริการ และไลฟ์สไตล์ ผ่าน 2 Living Concepts ในอาคารเดียวกัน ได้แก่ Dusit Residences ที่พักอาศัยสไตล์ Classic Luxury ร่วมสมัยแต่ให้ความอบอุ่นเหมือนบ้านหลังใหญ่ ตั้งอยู่ที่ชั้น 30-69 พร้อม Facilitiesชั้นที่ 46 และ Dusit Parkside ตั้งแต่ชั้น 9-29 ออกแบบในสไตล์ Lifestyle Luxury โมเดิร์นและสะดวกสบายแบบคนเมือง พร้อม Facilities ครบครันเพื่อรองรับทุกความต้องการตั้งอยู่บนชั้นที่ 29
นอกจากนี้ยังมี Residents’ Private Garden พื้นที่สีเขียวของลูกบ้านที่เชื่อมต่อกับสวนดุสิตอรุณ (Dusit Arun at Dusit Central Park) สวนลอยฟ้าใจกลางเมืองขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 7 ไร่ และความสะดวกสบายจากศูนย์การค้า Central Park ที่รองรับการใช้ชีวิตประจำวันของลูกบ้าน
ส่วนการร่วมมือกับ Arkitektura, Euro Creations และ Muse Design ในการตกแต่งห้องตัวอย่างครั้งนี้ ไม่เพียงสร้างประสบการณ์การพักอาศัยบนพื้นที่จริง แต่ยังมอบบริการให้คำปรึกษาทางด้านการออกแบบ และตกแต่งแบบครบวงจร เพื่อให้ลูกบ้านได้ใช้ชีวิตอย่าง Effortless with One Seamless Experience ซึ่งเป็นความสะดวกสบายที่ไร้รอยต่อ ตั้งแต่เตรียมการจนถึงเข้าพักอาศัยจริง โดยไม่ต้องติดต่อหลายฝ่ายหรือเดินทางหลายที่
สมชัย อัครวิทยาภูมิ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัทอาร์คิเทคทูรา จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้รับโจทย์ของการออกแบบพื้นที่ภายในห้องชุดคือการสร้างสรรค์ความงามเหนือกาลเวลา จึงเน้นใช้เส้นสายที่เฉียบคมและเส้นโค้งมนที่อ่อนช้อยมาเป็นองค์ประกอบหลัก เน้นความงามของเส้นสายและวัสดุที่หลากหลายที่ให้ความรู้สึก Quiet Luxury สำหรับห้อง การออกแบบห้อง 2 ห้องนอนขนาด 85 ตารางเมตร ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากบรรยากาศอันงดงามจากการออกแบบของดุสิตธานี เราได้แสดงให้เห็นถึงความประณีต และฟังก์ชันการใช้งานที่เป็นเลิศ ด้วยโทนสีกลางที่มีหลากหลายเฉดดูมีชีวิตชีวาที่ตัดกันอย่างนุ่มนวลและลงตัว

ทั้งนี้ Arkitektura ได้คัดสรรเฟอร์นิเจอร์จาก Poliform แบรนด์อิตาลีที่มีชื่อเสียงด้านดีไซน์ร่วมสมัยด้าน System furniture และ Loose furniture ในการสร้างบรรยากาศที่สอดคล้องภายในห้องที่เรียบหรูสง่างามและใช้งานได้จริง เช่นพรมและเครื่องปูพื้นที่ถักทออย่างประณีตจากแบรนด์ SAFAVIEH โคมไฟเสริมสร้างบรรยากาศจากแบรนด์ Visual Comfort
โดยชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งในห้องทั้งระบบ (system set)จำนวน13 ชิ้น รวมถึงตู้เสื้อผ้า และชุดโซฟาที่มีมูลค่าสูงถึง 690,000 บาท แต่ทางบริษัทได้มอบราคาส่วนลด 50%เหลือ 3.99 ล้านบาท ซึ่งเป็นข้อเสนอแบบ special offer สำหรับลูกค้าโครงการเท่านั้น ส่วนลูกค้า Walk-in จะไม่ได้รับส่วนลดนี้

อานันท์ อมรรัตนเวช รองประธานกรรมการ บริษัทยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การออกแบบของเราจะเน้นการสร้างสรรค์พื้นที่ใช้สอยที่ผสมผสานเอกลักษณ์ของผู้ใช้งานและความงดงามของศิลปะเข้าด้วยกัน สำหรับโครงการ Dusit Residences บริษัทได้ออกแบบห้องตัวอย่าง 2 ห้องนอนขนาด 115 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิด Timeless Sophistication ที่สะท้อนความสงบและผ่อนคลาย เรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์ บ่งบอกถึงตัวตนสง่างามเหนือกาลเวลา พร้อมมอบ well-being ให้ผู้พักอาศัยอย่างแท้จริง โดยเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ระดับ World-Class Brands จากประเทศอิตาลี ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Molteni&C ที่มีชื่อเสียงด้านงานหัตถศิลป์และการออกแบบที่สวยงามร่วมสมัย แบรนด์ Cassina ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นไอคอนของการออกแบบสมัยใหม่ แบรนด์ Giorgetti ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ดีไซน์เหนือกาลเวลา และแบรนด์ Gallotti & Radice เฟอร์นิเจอร์ที่มีเอกลักษณ์ด้านการผสมผสานแมททีเรียลอย่างกระจก แก้วคริสตัล เหล็ก และไม้ เกิดเป็นความแตกต่างอย่างลงตัว

สรวุฒิ เติมวิริยะกุล ผู้ก่อตั้ง บริษัทมิวส์ ดีไซน์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากการมาบรรจบกันระหว่างวัฒนธรรมตะวันออกและวัฒนธรรมตะวันตก ผนวกกับความเชื่อว่าศิลปะและธรรมชาติคือความสวยงามคู่ขนานที่สอดประสานกันอย่างลงตัวมาใช้ถ่ายทอดการออกแบบบนห้องตัวอย่างแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 55 ตารางเมตรผ่านวัสดุธรรมชาติ รูปทรง และพื้นผิวที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังได้ออกแบบและสร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นอย่างประณีต โดยงานทุกชิ้นที่ใช้ที่ในห้องนี้เกือบทั้งหมดเป็นงานทำมือ (Handcraft) เช่น งานประดับผนังด้วย Straw Marquetry หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ทองเหลืองหล่อแบบโบราณ ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางภาพรวม การเลือกวัสดุพื้นผิวที่ผลิตไปจนถึงกระบวนการผลิตล้วนถูกทำโดยช่างฝีมือทั้งสิ้น
โดยเฉพาะผนังในห้องนอนมีการใช้เทคนิคที่เรียกว่า “Technical Straw” หรือ “Straw Market” ซึ่งทำมาจากต้นหญ้าชนิดหนึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ วัสดุนี้มีความโดดเด่นเรื่องการสะท้อนแสง (reflection of light) และการติดตั้งต้องใช้ช่างที่ต้องใช้สายตาที่รู้ว่าควรจัดวางอย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความแตกต่างของสีระหว่างชิ้นงาน โต๊ะหัวเตียงทำจาก ฟอสซิล ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ถูกลาวาเผาจนกลายเป็นหิน แต่ยังคงเห็นลายเปลือกไม้และวงปี เป็นต้น





