แอสเซทไวส์ เปิดผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2568 ทำรายได้รวม 6,250 ล้านบาท กำไรสุทธิสะสม 689 ล้านบาท และยอดขาย 17,474 ล้านบาท พร้อมแบ็กล็อกกว่า 32,861 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้รายได้ยาวถึงปี 2570 ขยายแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งปีเพิ่มเป็น 11 โครงการ มูลค่ารวม 23,600 ล้านบาท มั่นใจตลาดอสังหาฯ ยังมีแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ลุยโค้งสุดท้ายเปิด 3 โครงการใหม่ในภูเก็ตมูลค่า 9,700 ล้านบาท รองรับกลุ่มต่างชาติกำลังซื้อสูง เตรียมโอนโครงการสร้างเสร็จใหม่ตามแผน หนุนรายได้ตามเป้าทั้งปี 10,500 ล้านบาท เชื่อมั่นพอร์ตภูเก็ตช่วยเสริมแกร่งให้บริษัทฯเติบโตอย่างมั่นคงทั้งปีนี้และในระยะยาว

กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แอสเซทไวส์ยังคงเดินหน้าตามแผนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3/2568 ทำรายได้เติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 43% ส่งผลให้ช่วง 9 เดือนแรกของปี (ม.ค.-ก.ย. 2568) บริษัทฯทำรายได้สะสมทั้งสิ้น 6,250 ล้านบาท พร้อมกำไรสุทธิสะสม 689 ล้านบาท และสร้างยอดขายกว่า 17,474 ล้านบาท คิดเป็น 90% ของเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 19,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าวมาจากการบริหารพอร์ตโครงการสร้างเสร็จใหม่ และโครงการพร้อมอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโครงการที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์โดดเด่นในไตรมาส 3/2568 ได้แก่ เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา โครงการ Leisure Condominium ในภูเก็ต ภายใต้การพัฒนาของบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE บริษัทย่อยในเครือ ที่ทยอยรับรู้รายได้มาตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2568 ต่อเนื่องจนถึงไฮซีซั่นนี้ รวมถึงแอทโมซ แคนวาส ระยอง และ เคฟ ซี้ด เกษตร ทั้งนี้บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ ณ สิ้นไตรมาส 3 รวมทั้งสิ้น 32,861 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องได้จนถึงปี 2570

แผนการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปี บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใน Strategic Location ซึ่งล่าสุดแอสเซทไวส์ ได้พิจารณาปรับแผนเปิดโครงการใหม่ปี 2568 เพิ่มเป็น 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 23,600 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7% จากแผนที่ประกาศไว้ โดยแบ่งสัดส่วนเป็นโครงการในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 18% และโครงการในภูเก็ต 82% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด เนื่องจากภูเก็ตเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม รวมถึงการเดินทาง และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง และกลุ่ม Digital Nomad ให้เข้ามาพักอาศัยระยะยาว ทำให้ภูเก็ตเป็นทำเลที่มีดีมานด์แข็งแกร่งและรักษาการเติบโตได้ในทุกสภาพตลาด
ในช่วงไตรมาส 4/2568 บริษัทวางแผนเปิดโครงการ Leisure Condominium ใหม่ในภูเก็ต 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,700 ล้านบาท อาทิ โคราลิน่า กมลา คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท ใกล้หาดกมลาที่ตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยและการลงทุน จำนวน 564 ยูนิต มูลค่ารวม 3,900 ล้านบาท, เดอะ ไทเทิล เซียร่า จำนวน 452 ยูนิต มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท และ เดอะ บาลโคนี ในยาง จำนวน 542 ยูนิต มูลค่ารวม 3,800 ล้านบาท ขณะเดียวกันแอสเซทไวส์ ยังมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ในไตรมาส 4 ที่จะทยอยโอนเพื่อรับรู้รายได้ในช่วงปลายปีนี้เพิ่มอีก 1 โครงการ คือ โครงการ เคฟ วันเดอร์แลนด์ คอนโดใหม่ใกล้ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต มูลค่าโครงการกว่า 2,550 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นอีกแรงหนุนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาแอสเซทไวส์ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามแผนส่วนใหญ่ที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี ทั้งการโอนส่งมอบโครงการตามกำหนดและการเปิดโครงการใหม่ โดยบริษัทฯติดตามและประเมินทิศทางตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อมองหาโอกาสและปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งช่วงไตรมาสสุดท้ายเป็นจังหวะสำคัญของตลาดอสังหาฯ เพราะมีปัจจัยหนุนทั้งจากแคมเปญของผู้ประกอบการ มาตรการกระตุ้นจากรัฐ การลดดอกเบี้ยนโยบายที่ช่วยลดภาระการผ่อนของผู้บริโภคและลดต้นทุนการเงินของผู้ประกอบการ รวมถึงการเข้าสู่ไฮซีซั่นการท่องเที่ยว ทำให้ภาพรวมตลาดคึกคักมากขึ้น บวกกับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากการเปิดตัวโครงการในภูเก็ตที่ผ่านมา เชื่อว่าทั้งหมดนี้จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง รักษาการเติบโตของยอดขาย รายได้ และกำไรของแอสเซทไวส์ ได้อย่างมั่นคงทั้งในปีนี้และในระยะยาว





