แบงก์ชาติช่วยลูกหนี้รายย่อย2 ล้านบัญชี “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ปิดหนี้เสีย-เคลียร์ประวัติ

ปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศไทยเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญและสะสมมานานตั้งแต่ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปัจจุบันที่รายได้ของครัวเรือนจำนวนมากยังฟื้นตัวช้า ทำให้หลายครัวเรือนประสบปัญหาในการชำระหนี้และกลายเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจไทยโดยรวมด้วย

ด้วยเหตุนี้ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และภาคสถาบันการเงิน และภาคสถาบันการเงิน จึงได้ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ซึ่งเป็นโครงการเรือธงภายใต้นโยบายของรัฐบาลในการลดภาระหนี้ของประชาชน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียให้หลุดพ้นจากวงจรหนี้ สามารถตั้งหลักทางการเงิน และกลับมามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยเร็ว

โดยผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company: AMC) ซึ่ง การช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นมาตรการเฉพาะกิจที่จะดำเนินการเพียงครั้งเดียว โดยเน้นหนี้เสียที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายคือลูกหนี้รายย่อยที่มีภาระหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans: NPLs) ทุกประเภทสินเชื่อกับผู้ให้บริการทางการเงินทุกแห่งรวมกันไม่เกิน100,000 บาทต่อราย ณ วันที่ 30 กันยายน 2568

โดยปัจจุบันลูกหนี้กลุ่มนี้คิดเป็นจำนวนมากถึงประมาณ 3.4 ล้านราย หรือ 4.7 ล้านบัญชี ซึ่งคิดเป็นกว่า 60% ของจำนวนบัญชีหนี้เสียทั้งหมด แต่ในระยะแรกจะครอบคลุมลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์จำนวนประมาณ 1.6 ล้านบัญชี หรือ 1.2 ล้านราย ภาระหนี้ประมาณ 43,600 ล้านบาท โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) จะรับซื้อหนี้ของลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายข้างต้น เพื่อนำมาปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพื่อให้ลูกหนี้กลับมาจ่ายชำระหนี้ได้

กลุ่มเป้าหมายและคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ

โครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” มุ่งเป้าช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยกลุ่มเปราะบางที่มีหนี้เสีย (NPL) ให้สามารถหลุดพ้นจากวงจรหนี้และกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ ผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC)  โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนคือ

  1. บุคคลธรรมดา
  2. มีหนี้เสีย (NPL) ค้างชำระเกิน 90 วัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2568
  3. มูลหนี้รวมทั้งหมด (เงินต้นพร้อมดอกเบี้ย) จ4ากทุกบัญชีและทุกผู้ให้บริการทางการเงิน (จากข้อมูล NCB) ต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย
  4. ประเภทหนี้ที่เข้าข่าย คือ หนี้ที่ไม่มีหลักประกัน เช่น หนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan/Clean Loan) รวมถึง “ติ่งหนี้” ที่เหลืออยู่หลังจากขายหลักประกัน (เช่น บ้านหรือรถ) เพื่อชำระหนี้แล้ว

กลไกหลักของโครงการคือการโอนหนี้เสียประเภทไม่มีหลักประกันที่มียอดหนี้รวมต่อรายไม่เกิน 100,000 บาท จากสถาบันการเงินไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) โดยมีบริษัทบริหารสินทรัพย์ สุขุมวิท จำกัด (SAM) ทำหน้าที่เป็น “Social AMC” ที่ไม่มุ่งหวังผลกำไร แต่เน้นการช่วยเหลือลูกหนี้เป็นสำคัญ ลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ที่ผ่อนปรนเป็นพิเศษ เช่น การยกเว้นดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมค้างชำระทั้งหมด การลดเงินต้น และเสนอทางเลือกในการชำระหนี้ที่เข้าใจง่ายเพียง 2 รูปแบบ คือ การชำระครั้งเดียวปิดจบพร้อมส่วนลดสูง หรือการผ่อนชำระเงินต้นปลอดดอกเบี้ยนานสูงสุด 3 ปี

ทั้งนี้ลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนมากกว่าปกติ เพื่อลดภาระหนี้ อาทิเช่น ยกเว้นดอกเบี้ยคงค้างทั้งหมดและค่าธรรมเนียม ลดยอดเงินต้นบางส่วน เป็นต้น ทำให้ลูกหนี้สามารถกลับมาจ่ายชำระได้และปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น รวมทั้งกลับมามีประวัติการชำระหนี้ในเครดิตบูโรที่ดีขึ้นและมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้อีกครั้ง

กลไกการช่วยเหลือผ่าน Social AMC

ในระยะแรกโครงการนี้จะดำเนินการกับลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และบริษัทลูก ซึ่งจะถูกโอนไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) และลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFI) ซึ่งจะโอนไปที่ R AMC หรือได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนจาก SFI โดย SAM ได้รับการปรับบทบาทเป็น Social AMC ซึ่งเป็น AMC ที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้น 100% จะเน้นการดูแลคนและสังคม ไม่ได้มุ่งหวังกำไรสิทธิประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับ

ทั้งนี้เมื่อหนี้ถูกโอนมาที่ SAM แล้ว ลูกหนี้จะได้รับข้อเสนอการปรับโครงสร้างหนี้ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันจากทุกเจ้าหนี้ โดยไม่ต้องมีการต่อรองเงื่อนไข และไม่จำเป็นต้องแสดงเอกสารรายได้หรือ Statement ใดๆ โดยมี 2 ทางเลือกหลัก

โปรแกรมจ่ายปิดจบครั้งเดียว ลูกหนี้ที่พอมีเงินก้อนสามารถจ่ายปิดจบได้เลยทันที โดยจะได้รับส่วนลดสูงมาก

โปรแกรมผ่อนชำระเป็นงวด ลูกหนี้สามารถผ่อนชำระได้สูงสุด 36 งวด (3 ปี) ในช่วงการผ่อนชำระนี้ จะไม่มีการคิดดอกเบี้ย และหากชำระครบตามเงื่อนไข จะมีการยกเว้นดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และเบี้ยปรับที่ค้างอยู่ทั้งหมดให้

สำหรับลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) จะได้รับการช่วยเหลือผ่านกลไกการขายและโอนหนี้ให้กับบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนอีก 3.3 แสนบัญชี ซึ่งกระทรวงการคลังจะดำเนินการภายใต้หลักการและแนวทางการช่วยเหลือที่สอดคล้องกัน รวมทั้งสิ้นโครงการจะช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยได้มากถึง 1.9 ล้านบัญชี

ทั้งนี้โครงการนี้ก็จะดำเนินต่อไปจนถึงวันสิ้นสุดการชำระหนี้วันที่ 31 ธันวาคม 2571 ตามข้อตกลงที่ได้ลงนามไว้ในบันทึกหลักการเบื้องต้น (MOU)

สิ่งที่ลูกหนี้ต้องดำเนินการ

-ช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2568  ศึกษาคุณสมบัติและรายละเอียดของโครงการ

ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2569 เป็นต้นไป ลูกหนี้สามารถแสดงความประสงค์และติดต่อเจ้าหนี้เดิม (สถาบันการเงิน หรือบริษัทลูกของแบงก์) หรือสอบถามผ่านช่องทางของ ธปท. (โทร. 1213) และ SAM (โทร. 1443) ได้

ข้อควรระวังเรื่องมิจฉาชีพ  โครงการนี้จะไม่มีการส่ง SMS หรือลิงก์ให้ลูกหนี้กด การชำระหนี้ต้องชำระเข้าบัญชีเงินฝากเดิมที่เคยชำระหนี้กับสถาบันการเงินนั้นๆ เท่านั้น

-สำหรับผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ (หนี้เกิน 100,000 บาท หรือเป็นหนี้ดี) สถาบันการเงินยังคงมีมาตรการช่วยเหลือและปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ตามปกติ ส่วนผู้ที่มีหนี้บัตรเครดิตเกิน 100,000 บาท และค้างชำระเกิน 120 วัน สามารถสมัครเข้า “คลินิกแก้หนี้” ซึ่งดำเนินการโดย SAM ได้เช่นกัน

โพสที่เกี่ยวข้อง