ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุสถานการณ์การท่องเที่ยวไทยถึงจุดเปลี่ยน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยกลับไปสู่ระดับก่อนโควิดเป็นเรื่องยาก ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่รุนแรง คาดปี 2569 จำนวนต่างชาติเที่ยวไทยอยู่ที่ 34.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4% แต่ค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายต่อทริปยังต่ำ ชี้ท่องเที่ยวไทยต้องปรับตัวสู่สมดุลใหม่ ผ่านผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่ไทยมีจุดเด่น ทั้ง MICE และ Medical & Wellness

เกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวของประเทศไทยว่า ผลต่างระหว่างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยกับค่าใช้จ่ายของคนไทยเที่ยวต่างประเทศ มีแนวโน้มลดลงเกือบเท่าตัว ขณะเดียวกันสัญญาณการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยชัดเจนขึ้น ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวยุโรปและอินเดียยังไม่สามารถเข้ามาทดแทนกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนและอาเซียนไม่ได้ทั้งหมด และการกระจายความหนาแน่นจากเมืองท่องเที่ยวหลักไปสู่เมืองรองยังต้องทำอีกมาก

วาริธร ศิริสัตยะวงศ์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ในปี 2569 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยน่าจะฟื้นตัวจากการกลับมาของตลาดนักท่องเที่ยวจีน โดยคาดว่าจะมีจำนวน 34.1 ล้านคน หรือเติบโต 4% หลังจากที่ตลาดหดตัว 7% ในปี 2568 แม้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น แต่ยังเป็นระดับที่ต่ำกว่าศักยภาพและการเพิ่มจำนวนทำได้ยาก ซึ่งส่งผลต่อการฟื้นตัวของรายได้จากการท่องเที่ยว และค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายต่อทริปที่ยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด
ดังนั้นการเพิ่มรายได้คงต้องหาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวใหม่ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่อทริปสูงทั้งการเจาะตลาดกลุ่มกิจกรรมบันเทิง การจัดประชุมสัมมนาและนิทรรศการ (MICE) เช่น การจัดคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลก เป็นต้น รวมถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก หรือการดึงสวนสนุกระดับโลกมาลงทุนในไทย ตลอดจนตลาดกลุ่มเดินทางเพื่อสุขภาพและรักษาพยาบาล แม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากทำตลาดได้ดีนักท่องเที่ยวจะกลับมาเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า

วรรณวิษา ศรีรัตนะ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจด้านการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพ (Medical & Wellness) แม้จะเป็น 1 ในเครื่องมือที่ช่วยดันรายได้ท่องเที่ยว แต่ยังมีโจทย์ที่ต้องแก้ โดยเฉพาะเรื่องตลาดคนไข้หลักที่ลดลง การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น รวมถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่มีอยู่ ทำให้ปี 2569 คาดว่าจำนวนและรายได้คนไข้ต่างชาติจะเติบโตแบบชะลอตัวที่ 0.4% และ 3.7% ตามลำดับ ซึ่งหากต้องการเพิ่มรายได้ท่องเที่ยว ประเทศไทยต้องโฟกัสไปที่การแพทย์เฉพาะทางที่มีระยะเวลาในการรักษาและพักฟื้นนานขึ้น รวมถึงขยายบริการสู่การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Care) และการส่งเสริมสุขภาพ (Wellness) ที่สอดรับกับเทรนด์โลก เช่น Longevity และแนวโน้มการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้เสนอ 4 ข้อเพื่อทำให้การท่องเที่ยวไทยไปต่อ ได้แก่ 1.การฟื้นความเชื่อมั่น ซึ่งตลาดระยะใกล้ยังสำคัญ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังสัดส่วนลดลงเท่าตัวจากก่อนโควิดมาอยู่ที่ 14% 2.เน้นเร่งเพิ่มการใช้จ่ายต่อทริปผ่านผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่ไทยมีจุดเด่น ผ่านการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและการเติมเต็ม Ecosystem 3.จูงใจคนไทยเที่ยวในประเทศ และ 4.ผลักดันเมืองท่องเที่ยวรองด้วย
อัตลักษณ์ท้องถิ่น เช่น Geographical Indications เป็นต้น





