3 สมาคมอสังหาฯ ผนึกกำลังขับเคลื่อนอสังหาฯปี 65 ระบุมีทั้งปัจจัยบวก–ลบ วอนภาครัฐเร่งหามาตรการช่วยเหลือ ระบุประเทศไทยจะไปต่อ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข จูงใจนักลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อปล่อยเช่า ทั้งช่วยเหลือ 5 ประเด็นใหญ่ กระตุ้นจิตวิทยาซื้อที่อยู่อาศัย คาดตลาดคอนโดฯปีนี้พลิกฟื้นโต 5-15%

วอนรัฐออกมาตรการช่วยเหลือปัญหาภาษีที่ดินฯ
นายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยในงานสัมมนาซึ่งจัดโดย 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้หัวข้อ “แนวโน้มภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์และกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565” ว่า ที่ผ่านมามีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบเข้ามากระทบต่อภาคอสังหาฯ ปัญหาภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นปัญหาที่ต้องประสบ ซึ่งอยากให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือ
“เราขอเสนอเป็นขั้นบันไดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้หรือไม่ ตรงนี้เป็นภาระในสิ่งที่เรากำลังพูดคุยกันต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีมองว่า ภาพรวมตลาดแนวราบปีนี้ ยังทรงตัว คาดโตร้อยละ 5 บวกลบ และมีซัพพลายใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ50,000 หน่วย ส่วนยอดโอนมีประมาณ 100,000 หน่วย” นายวสันต์ กล่าว

ประเทศไทยจะไปต่อต้องมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข
นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ทางออกของประเทศไทยถ้าจะไปต่อ ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ที่ผ่านมาภาคอสังหาฯแต่ละกลุ่มราคา ต่างได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันเช่น กลุ่มระดับกลาง ก็ได้รับผลบวกจากการระบาดของโควิด-19 อีกทั้งสถาบันการเงินมีการเข้มงวดปฏิเสธสินเชื่อในกลุ่มระดับล่างที่มากขึ้น และในภาวะที่ดอกเบี้ยปรับขึ้นจะมีภาระต่อผู้ผ่อนชำระ หากมีการปรับโมเดลให้รัฐบาลปรับเงื่อนไขให้ผู้มาซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อปล่อยเช่า โดยที่รัฐให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีอีกทางหนึ่ง ส่วนเรื่องทรัพย์อิงสิทธิ ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีความคืบหน้ามากนัก เพราะมีเงื่อนไขของระยะเวลาเพียง 30 ปีเท่านั้น
“ผมว่าโอกาสของอสังหาฯยังมีอยู่ หากเรามีการเปลี่ยนเงื่อนไข ไม่ว่าจะเรื่องของกฎหมาย ก็จะมีโอกาสให้กับภาคธุรกิจได้ด้วย” นายมีศักดิ์ กล่าว

แนะรัฐช่วยเหลือ 5 เรื่อง กระตุ้นจิตวิทยาซื้อที่อยู่อาศัย
ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ในความเป็นจริง จะประคับประครองให้มีชีวิตรอดปี 2565 นี้และปี 2566 อย่างไร บนสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงปลายปี 2564 ที่เริ่มลดลง แต่ทางรัฐบาลได้มีคำสั่งให้ข้าราชการทำงานอยู่ที่บ้าน เหมือนสะท้อนให้เห็นว่า สถานการณ์รุนแรง ดังนั้น โควิด-19 เกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนมกราคม และต่อเนื่องมาถึงเดือนมีนาคม ซึ่งจะมีผลต่อราคาน้ำมัน เป็นปัจจัยภายนอกที่มากระทบกับภาคธุรกิจ
“ปี 2565 เอสเอ็มอียังไม่แข็งแรง เป็นปัจจัยลบของกำลังซื้อ และกำลังซื้อชาวไทย ในกลุ่มคอนโดฯ ยังอยู่ในอาการอ่อนตัว ยังไม่กลับมาซื้อ ไม่ได้ดังที่เราอยากได้กัน ขณะที่ผู้ซื้อชาวต่างชาติ ยังไม่กลับมา โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนมีสัดส่วนประมาณ 90% ของผู้ซื้อชาวต่างชาติทั้งหมด เมื่อยังไม่ชัดเจนในการกลับมาตลาดอสังหาฯไทย โดยเฉพาะสินค้าคอนโดฯระดับราคากลางจนถึงระดับบน” ดร.อาภา กล่าว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าหนี้สินครัวเรือน จะอยู่ในระดับทรงตัวแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น ธนาคารพาณิชย์ยังคงเข้มงวด แม้ว่าหลังปีใหม่มาเริ่มมีการผ่อนคลายเล็กน้อย แต่ยอดปฏิเสธสินเชื่อยังระดับสูงอยู่ ราคาวัสดุก่อสร้าง เหล็ก น้ำมันแพงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนในการก่อสร้างพุ่ง ค่าแรงปรับสูงขึ้น ในขณะที่สินค้าสต๊อกรอการขายทั้งแนวสูงและแนวราบสูงมาก ล้วนแต่เป็นปัจจัยลบระยะสั้น
โดยปัจจัยบวก มีทั้งเรื่องเศรษฐกิจของโลกดีขึ้น รัฐบาลผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตดีขึ้น โควิด-19 รุนแรงน้อยกว่าปี 2564 อัตราดอกเบี้ยต่ำที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเร่งขายสินค้าได้ และรัฐบาลลดค่าธรรมเนียมจนถึงสิ้นปี 2565
อย่างไรก็ตาม ในฐานะสมาคมอาคารชุดไทย ได้ขอสนับสนุนจากรัฐเพื่อกระตุ้นจิตวิทยาในการซื้อที่อยู่อาศัย ได้แก่
1. เร่งออก Long Term วีซ่า
2.บ้านหลังแรก ฟรีค่าธรรมเนียมโอน “อย่างถาวร”(แต่ผู้ประกอบการมีค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีหัก ณ ที่จ่าย
3.ฟื้นโครงการ “บ้านดีมีดาวน์ รัฐช่วยให้มีบ้าน”
4.เสนอแบงก์สนับสนุนให้คอนโดฯเป็นสินค้าเพื่อการออมและลงทุน จากนิยามเดิมที่ซื้อคอนโดฯเพื่อการอยู่อาศัย
5.การตั้ง Mortgage Insurance ช่วยผู้กู้สามารถมีหลักประกันในเรื่องการได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
“เรามองว่า คอนโดฯในปีนี้ ตลาดคอนโดฯระดับ 1 ล้านบาทบวกลบ จะมีความต้องการสูงมากขึ้นเรื่อย ผู้ประกอบการหันมาปรับสินค้าเป็นคอนโดฯโลว์ไรส์เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการลงทุน ซึ่งเรามองว่าตลาดคอนโดฯปีนี้จะโตขึ้น 5-15%แล้วแต่ระดับราคา จากในปีที่ผ่านมาติดลบ 20%เป็นต้น” ดร.อาภา กล่าวในที่สุด