กรุงเทพธนาคมเตรียมพร้อมขออนุญาตกลับมาเปิดโรงงานกำจัดมูลฝอยชุมชนอีกครั้ง เพื่อผลิตพลังงานขนาด 800 ตันต่อวันและผลิตกระแสไฟฟ้า หลังถูกกรอ.สั่งหยุดดำเนินการชั่วคราว พร้อมให้ปรับปรุงการจัดการ “กลิ่นขยะ” ล่าสุดได้ซีลโรงงานเป็นระบบปิด เพิ่มระบบบำบัดกลิ่น ติดตั้งเครื่องวัดกลิ่นทั้งในและนอกโรงงาน ติดกล้อง CCTV ให้ตรวจสอบได้ 24 ชม. ตั้งเป้าหมายให้เป็นโรงงานต้นแบบระบบบำบัดกลิ่นของ กทม.
ธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) กล่าวว่ากรุงเทพมหานครมีนโยบายที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการขยะมูลฝอย และลดพื้นที่ฝังกลบ โดยได้ลงนามสัญญาว่าจ้างให้บริษัทเป็นผู้ดำเนินงานโรงงานกำจัดมูลฝอยชุมชนเพื่อผลิตพลังงานขนาด 800 ตันต่อวัน ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างโรงงานไปเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2561 และได้รับใบอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรุงเทพมหานคร อนุญาตให้เริ่มเดินระบบในวันที่ 2 มีนาคม 2563 เป็นต้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นโครงการต้นแบบและนำร่องการบริหารจัดการมูลฝอยชุมชนแบบบูรณาการ ด้วยเทคโนโลยีเชิงกล-ชีวภาพ (MBT) เพื่อกำจัดขยะจำนวน 800 ตัน ผลิตพลังงานไฟฟ้า 4 เมกะวัตต์ ผลิตขยะเชื้อเพลิง 542 ตัน และขยะรีไซเคิล ซึ่งจะส่งผลให้เหลือกากของเสียที่ต้องนำไปกำจัดน้อยที่สุด
ทั้งนี้ในอดีตที่ผ่านมา ได้เกิดปัญหาประสิทธิภาพในการผลิต อีกทั้งยังเกิดผลกระทบด้านกลิ่นและเสียงต่อชุมชน กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) จึงมีคำสั่งให้หยุดดำเนินกิจการตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 เพื่อทำการปรับปรุงแก้ไข ตามที่ กรอ. กำหนดเพื่อแก้ไขปัญหารบกวนชุมชน ล่าสุดทีมบริหารปัจจุบันของกรุงเทพธนาคมได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ในการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างสูงสุด โดยไม่ให้เกิดผลกระทบต่อหมู่บ้านและชุมชน ทั้งทางด้านกลิ่นและเสียง เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งตัวแทนหมู่บ้านและชุมชนรอบโรงงาน กรุงเทพมหานคร กรมโรงงานอุตสาหกรรม คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และกรมอนามัย ได้เข้ามาร่วมกันให้คำแนะนำและแนวทางแก้ไขปัญหา
ขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการในส่วนสำคัญไปแล้ว คือ ทำโรงงานให้เป็นระบบปิด ด้วยการซีลโรงงานทั้งหมด ทำโรงงานให้เป็นระบบ Negative Pressure เพื่อไม่ให้กลิ่นฟุ้งกระจายออกมาภายนอก เพิ่มปริมาณการดูดอากาศภายในโรงงานจาก 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมงเป็น 167,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง เพื่อบำบัดกลิ่นให้สะอาดก่อนปล่อยออกสู่ภายนอกโรงงาน
นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งประตู High Speed Shutter Door ซึ่งเป็นระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ บริเวณทางเข้าอาคารรับมูลฝอยและอาคารขนถ่ายมูลฝอยเชื้อเพลิง (RDF) ควบคุมการเปิดปิดประตูเท่าที่จำเป็น ป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมาภายนอก หรือออกมาให้น้อยที่สุด พร้อมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิดรอบโรงงานจำนวน 8 ตัว เพื่อคอยตรวจสอบ และให้ชุมชนสามารถเข้ามาตรวจสอบได้ พร้อมการบริหารจัดการเพื่อลดกลิ่น เช่น การกำจัดขยะให้หมดวันต่อวัน, การล้างพื้นอาคารรับขยะทุกวัน, การปิดคลุมรถขนส่งมูลฝอย การพ่นน้ำยาควบคุมกลิ่นภายในโรงงาน เป็นต้น
รวมทั้งติดตั้งเครื่องตรวจวัดกลิ่นด้วยเครื่อง E-Nose ทั้งในศูนย์ขยะอ่อนนุชและหมู่บ้าน จัดหาเครื่องตรวจวัดกลิ่นแบบพกพาที่ได้มาตรฐาน เพื่อลงพื้นที่ตรวจวัดปริมาณกลิ่นทั้งภายในและภายนอกโรงงาน ในชุมชนรอบโครงการ พร้อมทั้งลงพื้นที่สำรวจหมู่บ้านและชุมชน
ล่าสุดกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้อนุญาตให้เริ่มมีการทดสอบเดินระบบต่างๆแล้ว และจากผลการผลดำเนินการ บริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินกิจกรรมของโรงงานได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อหมู่บ้านและชุมชน พร้อมทั้งแก้ปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ให้หมดไป โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โรงงานอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะขออนุญาตกลับมาเปิดโรงงานในเชิงพานิชย์ได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ และจะเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการโรงงานกำจัดมูลฝอยของศูนย์อ่อนนุชต่อไป จากนั้นจะเร่งดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้เป็นไปตามแผน