แอสเสท เวิรด์แจ้งผลประกอบการปี 2567 โตก้าวกระโดดทำสถิติใหม่สูงสุดในรอบ 5 ปี กำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 5,850 ล้านบาท พร้อมนิวไฮกำไรจากการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจ (BU EBITDA) 11,965 ล้านบาท รายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) 5,873 บาทต่อคืน และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) 4,200 บาทต่อคืน เร่งเครื่องแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีข้างหน้า ขยายพอร์ตทรัพย์สินดำเนินงานเพิ่มอีก 2 เท่าแตะ 300,000 ล้านบาทภายในปี 2572 เปิด 9 โครงการใหม่ในปี 2568 มูลค่าลงทุนรวมกว่า 22,000 ล้านบาท นำโดยโครงการ Jubilee Prestige Tower ย่านถนนรัชดาภิเษก

วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทแอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยผลประกอบการปี 2567ว่า เติบโตก้าวกระโดดในทุกมิติ พร้อมสร้างสถิติใหม่ด้วย5นิวไฮสูงสุดในรอบ5ปีนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยการทำกำไรสุทธิ 5,850 ล้านบาท เติบโต 14.6% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจ (BU EBITDA) 11,965 ล้านบาท เติบโต 11.9% ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate: ADR)อยู่ที่ 5,873 บาทต่อคืน รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) 4,200 บาทต่อคืนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
ส่วนอัตราผลตอบแทนกำไรจากการดำเนินงานต่อทรัพย์สินถาวร (EBITDA Yield) ของทรัพย์สินดำเนินงานเติบโต 10.1% โดยมีมูลค่าทรัพย์สินถาวรรวมเติบโตเท่าตัวภายใน 5 ปีมูลค่า 198,726 ล้านบาท จากกลยุทธ์ GROWTH-LED Strategy และการพัฒนาโครงการร่วมกับพันธมิตรระดับโลกเพื่อสร้าง AWC’s Lifestyle Destination หลากหลายโครงการในเมืองท่องเที่ยวสำคัญทั่วไทย โดยวางแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีจะขยายพอร์ตทรัพย์สินดำเนินงานอีก 2 เท่ามูลค่า 300,000 ล้านบาทในปี 2572 ภายใต้แนวคิด “Building a Better Future”

“แม้เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน แต่ AWC สามารถสร้างการเติบโตอย่างโดดเด่นด้วยกลยุทธ์ “GROWTH-LED Strategy” ที่เน้นสร้างกระแสเงินสดอย่างแข็งแกร่ง โดย AWC มีรายได้รวมปี 2567 อยู่ที่ 21,011 ล้านบาท เติบโต 10.5%จากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ”
โดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการมีกำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจก้าวกระโดดถึง 31% มีอัตราการเข้าพักตลอดปี 2567 เฉลี่ย72% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด และมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 4,200 บาทต่อคืน ส่งผลให้โรงแรมของ AWC มีดัชนีการสร้างรายได้ (Revenue Generation Index หรือ RGI) สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดเมื่อเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ โรงแรมคอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยว RGI เท่ากับ 195,โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มประชุมสัมมนา RGI เท่ากับ 170 และโรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ RGI เท่ากับ 147
ส่วนกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลในปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงานเติบโต 12% พร้อมมียอดการปล่อยพื้นที่เช่าใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมามากกว่า 34,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้น 15% ล่าสุดมีแผนเปิด Jurassic World: The Experience ในโครงการเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น พร้อมฉลองการเปิดตัวไปกับการเข้าฉายของภาพยนตร์ Jurassic World ภายในปี 2568
ขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี “Building a Better Future” ขยายพอร์ตแตะ 3 แสนล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังได้เดินหน้าสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ภายในปี 2572 ด้วยแนวคิด “Building a Better Future” ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงาน 2 เท่า สู่ระดับ 300,000 ล้านบาท พร้อมขยายห้องพักรวมสู่ 12,000 ห้อง สร้างผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) มากกว่า 15% โดยในปี 2568 วางแผนขยายพอร์ตธุรกิจโรงแรมและคอมเมอร์เชียลด้วยการเปิดตัว 9 โครงการใหม่ มูลค่าลงทุนรวมกว่า 22,000 ล้านบาท อาทิ Jubilee Prestige Tower มูลค่า 8,704 ล้านบาทย่านรัชดาภิเษก ที่คณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบในการเข้าลงทุนในบริษัทเลอ คองคอร์ด โฮเต็ล จำกัด ซึ่งครอบคลุมอาคารสำนักงานขนาด 45,792 ตารางเมตร และโรงแรมขนาด 407 ห้อง โดย AWC มีแผนพัฒนาโครงการภายใต้ชื่อ Jubilee Prestige Tower ให้เป็นอาคารสำนักงานไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ และโรงแรมหรูภายใต้แบรนด์ JW Marriott ที่บริหารงานโดยแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล โดยมีแผนพัฒนาให้เป็นโมเดล AWC’s Lifestyle Destination ผสมผสาน Wellness และประสบการณ์แบบ Luxury Bleisure ครั้งแรกของประเทศ พร้อมเปิดดำเนินการได้เต็มรูปแบบภายในปี 2571



