กลุ่ม Reignwood Group ภายใต้การบริหารงานของดร.ชาญชัย รวยรุ่งเรือง คนไทยเชื้อสายจีนที่เริ่มต้นการดำเนินธุรกิจที่เมืองไทยด้วยการเปิดตัวบริษัทหัวปิน กรุ๊ป ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยว การค้าขายระหว่างประเทศ กหลังจากนั้นได้เป็นตัวแทนเครื่องดื่มกระทิงแดง สร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่ม “เรด บูล” หรือ “กระทิงแดง” ที่เสินเจิ้น และธุรกิจอีกหลายอย่าง หลังจากนั้นได้ไปลงทุนที่อังกฤษและสิงคโปร์เป็นเวลากว่า 30 ปี ก่อนจะกลับมาปักหลักลงทุนในเมืองไทยช่วงโควิดฯ ด้วยการกว้านซื้อดินย่านลำลูกกาคลอง 11 กว่า 2,000 ไร่เพื่อสร้างสนามกอล์ฟ โรงเรียน และที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน โดยยึดหลักคิดที่ว่า “100 ล้านซื้อบ้าน พันล้านซื้อเพื่อนบ้าน” เป็นการสร้างหลักประกันว่าผู้อยู่อาศัยจะได้อยู่ใน “สังคมที่มีชีวิตและคุณภาพดี” อย่างแท้จริง

วรพนิต รวยรุ่งเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เรนวูด กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทมีเป้าหมายในการสร้างโครงการเรนวูด ปาร์คทบนเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ในย่านลำลูกกาให้เป็นเมืองระดับโลกที่รองรับคนทุกช่วงวัย โดยมีแนวทางการพัฒนาพื้นที่แบบครบวงจรและมีคุณภาพ ประกอบด้วย ที่พักอาศัยแนวราบ โรงเรียนนานาชาติ สนามกอล์ฟ คอมเพล็กซ์ และโรงแรมในอนาคต เพื่อสร้างเมืองที่มีทั้งคุณค่และคุณภาพ นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นบ้านบนเกาะ และศูนย์วัฒนธรรมตะวันออก-ตะวันตก ที่นำคอนเซปต์จากพระราชวังฤดูร้อนมาไว้ในโครงการ เพื่อยกระดับความเป็นระดับโลก ผ่านวิสัยทัศน์ “The World Class Community Multigenerational”
โครงการนี้เปรียบเสมือนการสร้าง “เมืองจำลองที่สมบูรณ์แบบ” ที่มีฟันเฟืองด้านการใช้ชีวิตครบทุกมิติ ทั้งการเรียน การเล่น การพักผ่อน และการสืบสานวัฒนธรรม เพื่อให้คนทุกวัยสามารถใช้ชีวิตร่วมกันในอาณาจักรแห่งนี้ได้อย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับคนทุกช่วงวัย เริ่มตั้งแต่การปูพื้นฐานด้านการศึกษาและกีฬาสำหรับเด็ก ไปจนถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่รองรับความต้องการของคนทุกรุ่นให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
โดยเปลี่ยนบทบาทจากผู้พัฒนาเป็นผู้ดูแล ที่ไม่ได้มองตนเองเป็นเพียง Developer ที่สร้างเสร็จแล้วจบไป แต่เป็นนักดูแล (Caretaker) ที่จะอยู่ดูแลครอบครัวของผู้อยู่อาศัยต่อเนื่องไปอีกหลายเจเนอเรชัน โดยยึดหลักการว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าโครงการจะเติบโตและยั่งยืนไปพร้อมกับผู้คนในระยะยาว

ซึ่งปัจจุบันโครงการได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างและพัฒนามาแล้วเกือบ 5 ปี โดยมีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไปพร้อมกัน ทั้งการวางรากฐาน มีการสร้างโรงเรียน สนามกอล์ฟ และบ้านในโซนต่าง ๆ รวมถึงบ้านบนเกาะที่พร้อมให้บริการแล้ว ครอบคลุมทั้งที่อยู่อาศัยคุณภาพภายใต้ Reignwood Residence Collection, สถาบันการศึกษานานาชาติ KIS International School Reignwood Park ที่ใช้หลักสูตร IB, สนามกอล์ฟ Robinswood Golf Club, CH3 Performance Golf Academy Thailand, Reignwood Park x Topaz Detailing Thailand, Global Elite, ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้มอลล์ PARK11 รวมถึง Sport Complex ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2569 ทั้งหมดถูกเชื่อมโยงกันภายใต้แนวคิด Community for Well-Being และรวมเป็น “Reignwood Life”
ทั้งนี้เรนวูด ปาร์ค จะเน้นการขับเคลื่อนขับกลยุทธ์การเติบโตผ่าน 3 แนวทางหลัก ได้แก่ การลงทุนด้านกีฬาและการศึกษา, การพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG และการยกระดับสู่มาตรฐานสู่ระดับโลก โดยเฉพาะบทบาทด้านกีฬาและการพัฒนาเยาวชน สำหรับปี 2569 เรนวูด ปาร์ค บริษัทได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตไว้ที่ 30% พร้อมวางกลยุทธ์ขยายแบรนด์สู่ตลาดต่างประเทศอย่างเป็นระบบ ผ่านกลยุทธ์ Global Expansion & Branding Strategy โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายและการขยายตลาดเชิงรุก (Targeted Market Expansion) เจาะกลุ่มลูกค้าต่างประเทศในตลาดสำคัญ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และดูไบ รวมถึงมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังเกาหลีและอินเดียในอนาคต โดยใช้วิธีการจัด Roadshow เพื่อนำเสนอโครงการและสร้างความสนใจให้กับลูกค้าต่างชาติโดยตรง เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าระดับ High Net Worth Individuals ควบคู่การศึกษาการลงทุนธุรกิจใหม่ในประเทศไทย เช่น Sea Bear ธุรกิจเรือยอชต์ในภูเก็ต อย่าง Boesch ซึ่งมีการดำเนินงานครอบคลุมทั้งในออสเตรเลีย อเมริกา และจีน การแก้ไขปัญหาการเดินทางด้วยโครงการ Air Taxi เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางระดับสากล

นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เช่น การทำร้านกาแฟสูตรพิเศษร่วมกับแบรนด์ Boesch ในพื้นที่ย่านสุขุมวิท รวมทั้งยังเดินหน้าผลักดันแบรนด์น้ำดื่มพรีเมียมระดับโลก VOSS ในประเทศไทยอย่างจริงจัง ผ่านกิจกรรมไลฟ์สไตล์ กีฬา และอีเวนต์สำคัญของกลุ่มบริษัท รวมถึงกิจกรรมพิเศษในย่าน EM District ในช่วงเทศกาลปลายปีนี้ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ควบคู่ภาพลักษณ์ระดับสากล
โดยในส่วนของโครงการที่อยู่อาศัย Reignwood Residence Collection ประกอบด้วย Estate, Sereno และ Sonia ยังคงเป็นแกนหลักของการพัฒนาโครงการ โดยตั้งงบลงทุนประมาณ 6,500 ล้านบาท ด้าน PARK11 โครงการไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้มอลล์ ใช้งบลงทุนรวม 900 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการ PARK11 มูลค่า 840 ล้านบาท และ Get Growing Reignwood Park มูลค่า 28 ล้านบาท บนพื้นที่ค้าปลีกประมาณ 8,600 ตารางเมตร และพื้นที่ Get Growing ประมาณ 3,800 ตารางเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2 ไร่ ภายใต้แนวคิด “Under the Sea” พื้นที่การเรียนรู้และการเล่นวิถีธรรมชาติสำหรับเยาวชนและครอบครัว ส่วนพื้นที่ Shopping Area มีประมาณ 4,800 ตารางเมตร ปัจจุบันมีความคืบหน้าการก่อสร้างกว่า 90% และพร้อมเปิดให้บริการในไตรมาส 1 ปี 2569 ขณะเดียวกันยังมีโครงการ Sport Complex ที่ใช้งบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 18,000 ตารางเมตร มีงานก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วประมาณ 30% โดยวางแผนเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 3-4 ของปี 2569

นอกจากนี้เรนวูด ปาร์คยังได้เดินหน้าขยาย Robinswood Golf Community ผ่านการพัฒนาประสบการณ์สมาชิกแบบเอ็กซ์คลูซีฟ สิทธิพิเศษที่เชื่อมโยงกับอีเวนต์ระดับโลก อาทิ Reignwood Icons of Football ความร่วมมือกับสนามกอล์ฟชั้นนำระดับสากล เช่น Wentworth Club (สหราชอาณาจักร) และ Pine Valley (จีน) รวมถึงการลงทุนระยะยาวใน CH3 Performance Golf Academy และโครงการทุนสนับสนุนนักกอล์ฟเยาวชน
รวมทั้งมีแผนสร้างเครือข่ายพันธมิตรแบบ “Friendship” (Asset-Light Global Network) โดยใช้หลักการ “Principle” หรือความเป็นพันธมิตรกัน (Friendship) โดยที่ธุรกิจไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินในทุกประเทศ แต่สร้างความร่วมมือเพื่อให้ลูกค้าได้รับสิทธิพิเศษระดับโลก (Global Privilege) เช่น สิทธิ์ในการเข้าใช้สนามกอล์ฟในอังกฤษหรือจีน สิทธิ์ในการเข้าพักในที่พักอาศัยในอังกฤษ สหรัฐอเมริกา หรือจีน ที่เป็นเครือข่ายพันธมิตร
ทั้งนี้การวางหมากในกลุ่มประเทศเหล่านี้เปรียบเสมือนการ “ถักทอโครงข่ายใยแมงมุมระดับโลก” ที่ไม่ได้เน้นเพียงการเข้าไปเป็นเจ้าของที่ดินในทุกที่ แต่เป็นการเลือกจุดยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อเชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมเข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าของบริษัทรู้สึกว่าการถือครองกรรมสิทธิ์เพียงที่เดียวคือการได้รับกุญแจที่เปิดประตูสู่สิทธิพิเศษได้ทั่วโลก





