LPN รายงานผลการดำเนินงานปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.60รายได้หลักรวมในปี 2560 จำนวน 9,612.85 ล้านบาท ลดลง 4,988.67 ล้านบาท จาก ปี 2559 หรือลดลง 34.17 % ขณะที่ผลการดำเนินงานด้านกำไรสุทธิ จาก 2,176.23 ล้านบาท เป็นเหลือ 1,062.32 ล้านบาทหรือลดลง 51.19%

 

บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN  รายงาน ว่าปี 2560 “ปีแห่งการปรับเปลี่ยน” (Year of Shift) บริษัทได้ปรับกลุ่มเป้าหมายจากกลางถึงกลาง-ล่าง เป็นกลางบนถึงบน พร้อมกับกำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์ระยะสั้น เพื่อระบายสินค้าพร้อมอยู่ โดยบริษัทได้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว กล่าวคือ ในปี 2560 บริษัทสามารถระบายสินค้าพร้อมอยู่ได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท หรือประมาณ 50 % ของมูลค่าสินค้าพร้อมอยู่ทั้งหมด และหลังจากที่ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ด้วยการเน้นกลุ่มเป้าหมายจากกลางถึงกลาง-ล่าง เป็นกลางบนถึงบน และได้ทยอยเปิดตัวโครงการในกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวตลอดปี 2560 ซึ่งส่งผลให้บริษัทมียอดขายในปี 2560 ประมาณ 16,000 ล้านบาท หรือสูงกว่าปี 2559 ประมาณ 50 %

 

นอกจากนี้บริษัทยังกระจายฐานรายได้ด้วยการเพิ่มรายได้จากการบริการด้วยการเปิดให้บริษัทย่อยรับงานบริหารชุมชนสำหรับโครงการภายนอกอีกทางหนึ่งด้วย

 

สำหรับผลการดำเนินงานด้านรายได้ของบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้หลักรวมในปี 2560 จำนวน 9,612.85 ล้านบาท ลดลง 4,988.67 ล้านบาท จาก ปี 2559 หรือลดลง 34.17 % โดยรายได้หลักมาจากรายได้จากการขายกว่า 90 % ของรายได้หลักรวมลดลงจาก 13,855.41 ล้านบาทในปี 2559 เป็น 8,719.77 ล้านบาท ในปี 2560 หรือลดลง 37.07 % แต่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งในปี 2560 มีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบ 4 โครงการ และบริษัทย่อยอีก 4 โครงการ ส่วนใหญ่ 72 %  เป็นการรับรู้รายได้จากการขายของโครงการที่แล้วเสร็จในช่วงสิ้นปี 2559 โดยในปี 2560 บริษัทได้มีการเปิดตัว 11 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 14,000 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ ณ 31 ธันวาคม 2560 บริษัทมี Backlog ประมาณ 7,400 ล้านบาท แยกเป็นปี 2561 ประมาณ 5,900 ล้านบาทและปี 2562 ประมาณ 1,500 ล้านบาท และของบริษัทย่อยอีกประมาณ 350 ล้านบาท บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิลดลง 1,113.91 ล้านบาท จาก 2,176.23 เป็น 1,062.32 ล้านบาท หรือลดลง 51.19 % เนื่องจากรายได้จากการขายลดลงจาก 13,855.41 เป็น 8,719.77 ล้านบาท หรือลดลง  37.07 %  ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากสินค้าพร้อมอยู่ คิดเป็นประมาณ 72 % ของรายได้ที่รับรู้ในปีนี้ ทำให้กำไรขั้นต้นน้อยกว่า 30 % แต่บริษัทยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขาย (ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์) และค่าใช้จ่ายบริหารให้ลดลงจากปีก่อน 37.54 %  และ 13.67 % ตามลำดับ

 

บริษัทมีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 2,448.81 ล้านบาท จาก 18,557.92 เป็น 21,006.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.20 % สาเหตุหลักเกิดจากโครงการระหว่างพัฒนาเพิ่มขึ้น 4,823.88 ล้านบาท จาก 6,645.33 เป็น 11,469.21 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 72.59 %เป็นการซื้อที่ดินพัฒนาเพิ่มในปี 2560 จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ 1) เดอะ ซีเล็คเต็ด เกษตร – งามวงศ์วาน บาย แอล.พี.เอ็น. 2) ลุมพินีพาร์ค พหล 32 3) ลุมพินี เพลส พระราม 3 – ริเวอร์ไรน์ 4) ลุมพินี เพลส รัชดา – สาธุ และ 5) ลุมพินี วิภาวดี 3 และรอโอนที่ดินอีก 2 แปลง ได้แก่ 1) ที่ดินแถวสุขสวัสดิ์ และ 2) ที่ดินแถวสุทธิสาร

 

หนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 39.78%

ขณะที่หนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 2,445.64 ล้านบาท จาก 6,147.28 เป็น 8,592.92 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 39.78 % โดยมีสาเหตุหลัก คือ1. มีการกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อพัฒนาโครงการในปี 2560 ทำให้มีเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้นจำนวน 1,814.03 ล้านบาท จาก 4,308.76 เพิ่มเป็น 6,122.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42.10  % และ 2. มียอดเงินดาวน์โครงการที่รอรับรู้รายได้ในปีถัดไปเพิ่มขึ้น 625.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 270.35 %