แสนสิริขยายพอร์ตธุรกิจพรีคาสท์รับงานเพิ่มเจาะกลุ่มผู้ประกอบการ-รับสร้างบ้าน

แสนสิริประกาศความพร้อมเดินเครื่องโรงงานพรีคาสท์เต็มกำลัง ด้วยกำลังการผลิตกว่า 1.7 ล้านตารางเมตร/ปี เสริมแกร่งเจาะกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านและดีเวลลอปเปอร์ ช่วยควบคุมต้นทุน ลดเวลาการก่อสร้าง และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ชูเทคโนโลยีชั้นสูงมาตรฐานระดับโลก พร้อมเครื่องจักรคุจากบริษัทชั้นนำและเบอร์หนึ่งของอุตสาหกรรม


ฐิติพงค์ มงคลปทุมรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสโรงงานผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้พัฒนาระบบพรีคาสท์มาอย่างต่อเนื่องกว่า 15 ปี จนก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการก่อสร้างในภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันมีโรงงานพรีคาสท์รวม 6 โรงงาน พื้นที่กว่า 200 ไร่ ตั้งอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี โดยเมื่อปลายปี 2567 ได้ขยายกำลังการผลิตพร้อมนำเข้าเครื่องจักรมูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท ตั้งเป้าการผลิตกว่า 1.7 ล้านตารางเมตรต่อปี หรือรองรับการก่อสร้างที่อยู่อาศัยได้ประมาณ 5,000 ยูนิต พร้อมเปิดให้บริการกับกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงกลุ่ม Construction Business ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากการขยายการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตของประเทศ และเป็นเซ็กเตอร์หลักของเศรษฐกิจ

โดยใช้เทคโนโลยี Semi Automated Carousel System ควบคุมการผลิตด้วยระบบคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์ทุกขั้นตอน รวมทั้งใช้นวัตกรรมปูนซีเมนต์รักษ์โลก (กรีนซีเมนต์) เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 5-10 % (ต่อซีเมนต์ 1 ตัน) หลังจากการปรับใช้กรีนซีเมนต์ บริษัทสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 122,843 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี รวมถึงอยู่ในระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์กรีนซีเมนต์ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากขึ้นร่วมกับคู่ค้า และยังคงคุณภาพด้านความแข็งแรงคงทน ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมก่อสร้าง ที่ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

“ธุรกิจพรีคาสท์หรือแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป มีความโดดเด่นในด้านการควบคุมคุณภาพได้ดีกว่า เนื่องจากผลิตในโรงงานที่มีมาตรฐานและการควบคุมที่เข้มงวด ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ รวมถึงประหยัดเวลาในการก่อสร้าง เพราะสามารถผลิตชิ้นส่วนล่วงหน้าในขณะที่เตรียมพื้นที่ก่อสร้าง และนำไปติดตั้งได้ทันทีเมื่อต้องการ ควบคุมต้นทุนได้แม่นยำเนื่องจากกระบวนการผลิตเป็นระบบอุตสาหกรรม”

นอกจากนี้ยังได้ยกระดับมาตรฐานการผลิตและควบคุมคุณภาพการทำงาน ด้วยการนำเข้าเครื่องจักรคุณภาพและเทคโนโลยีชั้นสูงมาตรฐานระดับโลกจากประเทศอิตาลี ได้แก่ WiTech Concrete Technology ผู้นำด้านเครื่องจักรผลิตแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปแบบมีรูกลวง และผลิตภัณฑ์คอนกรีตอื่น ๆ มากกว่า 50 ปี และ IMER ผู้นำด้านเครื่องจักรผสมและลำเลียงคอนกรีตขนาดใหญ่มากกว่า 60 ปีที่มีความแม่นยำในการกำหนดชิ้นงาน ลดระยะเวลาการก่อสร้าง ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของแรงงาน รวมทั้งมีความคล่องตัวสูงและสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต รองรับทุกการดีไซน์

โพสที่เกี่ยวข้อง