กานดา พร็อพเพอร์ตี้ประเมินตลาดอสังหาฯปี’69เผชิญความท้าทายรอบด้าน เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวแบบมั่นคง เดือนธันวาคมนี้เตรียมเปิดตัว ParQ Villa พูลวิลล่าหรูบนทำเลเชิงทะเล ภูเก็ต พร้อมเสนอแนวคิด “ซื้อบ้านแก้หนี้” ช่วยปลดล็อคปัญหาแบงก์ปฏิเสธสินเชื่อ

หัสกร บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัทกานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2569 ยังคงเผชิญความท้าทายหลายประการ ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือน ส่งผลให้เศรษฐกิจภายในประเทศอยู่ในภาวะ สุญญากาศ ขาดความชัดเจนด้านนโยบาย ขณะที่ปัจจัยกระทบภายนอกประเทศจะมาจากนโยบายตอบโต้ทางภาษีของสหรัฐฯ ที่จะเริ่มมีผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2569 โดยเฉพาะผลกระทบต่อภาคการส่งออกและภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง
ทั้งนี้แม้จะมีสัญญาณบวกในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยขาลง ผู้ประกอบการชะลอแผนการเปิดโครงการใหม่ และการขยายมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องถึงกลางปีของภาครัฐ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างแรงส่งให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างมั่นคง ยกเว้นรัฐบาลใหม่จะใช้ยาแรงในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่งผลให้บริษัทยังต้องดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังเน้นตลาดที่ยังมีกำลังซื้อที่แข็งแรง โดยในเดือนธันวาคมนี้บริษัทเตรียม Soft Opening โครงการ ParQ Villa เชิงทะเล ภูเก็ต พูลวิลล่าสไตล์ Modern Contemporary จำนวน 22 ยูนิต พร้อมสวนขนาดใหญ่เนื้อที่ 4-5 ไร่ เน้นจับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ และจะจัดงาน Grand Opening ในไตรมาสแรกปี 2569 นอกจากยังเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ I-Leaf Privé บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมสไตล์ Contemporary Resort ที่เน้นความเป็นส่วนตัว โดยเบื้องต้นจะเปิดตัว 3 ทำเล ได้แก่ ภูเก็ต ลำลูกกา และพระราม 2 ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2569 เป็นต้นไป
ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาฯในช่วง 9เดือนแรกของปี 2568ยังคงเผชิญกับความท้าทาย และยังไม่ดีเท่ากับ 3 ไตรมาสแรกของปี 2567 จากปัญหาหลักคือ สถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อส่งผลให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและยังคงเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมาก ดังนั้นบริษัทได้เสนอแนวคิด “ซื้อบ้านแก้หนี้” ต่อภาครัฐ เพื่อช่วยลดภาระหนี้ครัวเรือน และกระตุ้นการเข้าถึงสินเชื่อของผู้บริโภคที่มีศักยภาพ โดยมองว่าลูกค้าจำนวนไม่น้อยแม้จะมีรายได้เพียงพอต่อการกู้ซื้อบ้าน แต่ยังติดปัญหาหนี้เดิม เช่น หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้เช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการอนุมัติสินเชื่อบ้าน โดยได้เสนอแนวทางในกรณีที่ลูกค้ามีศักยภาพเพียงพอหรือสามารถกู้ได้เกินกว่าวงเงินที่ยื่นขอสินเชื่อ ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังควรหาแนวทางผ่อนปรนเงื่อนไขให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยกู้ โดยรวมภาระหนี้เดิมเข้ากับสินเชื่อบ้านได้

ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าต้องการกู้เงินซื้อบ้านราคา 2 ล้านบาท แต่เนื่องจากลูกค้ามีภาระหนี้บัตรเครดิตอยู่ประมาณ 150,000 บาท จึงไม่สามารถกู้สินเชื่อบ้านได้ แต่หากลูกค้าสามารถปิดภาระหนี้บัตรเครดิตจำนวน 150,000 บาท โดยการรวมหนี้กับวงเงินสินเชื่อบ้านก็จะช่วยให้ลูกค้าสามารถขอเงินกู้ได้ เพราะจากรายได้ที่มีอยู่ลูกค้าสามารถขอวงเงินกู้ได้สูงสุดประมาณ 2.5 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมทั้งวงเงินกู้บ้านและยอดหนี้บัตรเครดิตเดิมได้
ทั้งนี้การปล่อยกู้โดยรวมหนี้บัตรเครดิตเข้ากับสินเชื่อบ้านได้ จะเกิดผลดีต่อทั้งต่อผู้ซื้อบ้าน ธนาคาร และเศรษฐกิจโดยรวม โดยที่กระทรวงการคลังไม่จำเป็นต้องนำเงินมาอัดฉีด นอกจากจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยและการผ่อนชำระของประชาชนแล้ว ยังช่วยกระตุ้นอุปสงค์ในตลาดอสังหาฯ ลดอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ ลดอัตราการเพิ่มขึ้นของหนี้เสีย (NPL) และเป็นการเปลี่ยนหนี้ที่ไม่มีทรัพย์สินหนุนหลังให้กลายเป็นหนี้บ้านที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงระบบการเงินได้ในระยะยาว
 
															
 
															 
				




