“Sansiri Sustainable Design” สร้างสุขที่ยั่งยืนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขของลูกบ้านแสนสิริ

หลังจากประสบความสำเร็จกับการเปิดตัว Sustainable Home – Prototype 1 แฟลกชิปบ้านต้นแบบเพื่อโลกและผู้อยู่อาศัยยุคใหม่แห่งแรกของไทยในโครงการ ”เศรษฐสิริ ราชพฤกษ์ – สาย 1“ไปเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยได้จับมือกับ Green Partners ชั้นนำ 18 แห่ง เพื่อช่วยกันสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ชูจุดเด่นด้านสุขภาพผู้อยู่อาศัย ประสิทธิภาพพลังงาน และการใช้วัสดุรักษ์โลก

 ล่าสุด”แสนสิริ”ได้ถอดรหัสความสำเร็จเพื่อต่อยอดองค์ความรู้และแนวทางปฏิบัติจาก “Sansiri Sustainable Home Prototype 1” โดยการนำแนวคิดและองค์ประกอบด้านวัสดุ เทคโนโลยี และการออกแบบที่ผ่านการวัดผลและพิสูจน์ประสิทธิภาพแล้ว มาขยายผลและประยุกต์ใช้สู่โครงการต่างๆ ของแสนสิริกว่า 25 โครงการ ได้แก่ เศรษฐสิริ เดอะ เบส และดีคอนโด รวมถึง 2 โครงการใหม่อย่าง วาลเลส เฮาส์ แล ไวด์เด็น บาย แสนสิริ  พร้อมเดินหน้าประกาศเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero)  ภายใต้ Sansiri Sustainable Design มาใช้ในโครงการที่พักอาศัยทั้งบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม ครอบคลุม 4 แกนหลักของแนวคิดยั่งยืน ได้แก่ Health and Well-Being Design, Cool Living Design, Green Material และ Resource Efficiency

แนวคิดการออกแบบ Sansiri Sustainable Design ส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัย

ทั้งนี้แนวคิดหลักของการออกแบบอย่างยั่งยืน (Sustainable Design) ของแสนสิริ จะส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยครอบคลุมในหลายมิติ โดยเฉพาะในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาว โดยการออกแบบอย่างยั่งยืนของแสนสิริ (Sansiri Sustainable Design: สร้างสุขที่ยั่งยืน) จะมุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมเพื่อให้ลูกบ้านและผู้อยู่อาศัยมีความสุขในระยะยาวสูงสุด ประกอบด้วย

-Health & Well-being Design: การดูแลสุขภาพของผู้อยู่อาศัยผ่านระบบฟอกอากาศ ป้องกันฝุ่น PM2.5 ใช้สีและวัสดุที่ปลอดสารระเหย (Zero-VOCsX) เพื่อมอบสุขภาวะที่ดีให้ผู้อยู่อาศัย

-Cool Living Design: ออกแบบให้บ้านอยู่เย็น รับลมธรรมชาติ ลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศ ด้วยวัสดุที่ช่วยป้องกันความร้อน เช่น หลังคา ผนัง และกระจกตัดแสง

-Green Material: คัดสรรวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยคาร์บอนระหว่างการผลิต และนำระบบ Prefabrication มาลดของเสียจากการก่อสร้าง

-Resource Efficiency: ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ทั้งการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ระบบประหยัดน้ำ และหลอดไฟ LED เพื่อช่วยลดภาระต่อสิ่งแวดล้อมและค่าใช้จ่ายของลูกบ้าน

“การออกแบบที่อยู่อาศัยในรูปดังกล่าวเปรียบเสมือนการสร้าง “ร่มเงาที่มองไม่เห็น” ให้กับผู้อยู่อาศัย เพราะไม่ใช่แค่ความสวยงามภายนอก แต่เป็นการสร้างระบบป้องกันภัยและเพิ่มคุณภาพชีวิตในระดับเซลล์ เช่น การจัดการฝุ่นและ CO2 ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสบายและปลอดภัยแม้ในขณะที่นอนหลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่อาจมองไม่เห็นแต่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวอย่างมาก”

” Valles Haus” คอนโดฯปลอดฝุ่นและสารระเหยเป็นศูนย์

พีร์ โปษยานนท์ Product Development Department บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริได้นำ Green Architecture & Design มาเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาสินค้า เพื่อตอกย้ำปรัชญา Constructing Life, Not Just Building ที่ไม่ได้คำนึงถึงแค่เพียงการสร้างบ้าน แต่มุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการผสานความยั่งยืนเข้ากับงานออกแบบ เพื่อสามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยในทุกโครงการให้สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนได้ทุกมิติ ภายใต้แนวคิดหลักทั้ง 4 แกนของการออกแบบอย่างยั่งยืนของแสนสิริ (Sansiri Sustainable Design) ที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ อย่างครบถ้วน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างนวัตกรรมที่ทำให้ลูกบ้านมีความสุขอย่างยั่งยืนในระยะยาว

โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่จำเป็นต้องกังวลเรื่องฝุ่นและสารระเหยต่าง ๆ เช่น โครงการคอนโดฯ วาลเลส เฮาส์ (valles HAUS) ภายใต้แบรนด์ HAUS โครงการล่าสุดของแสนสิริในทำเล T77 เป็นอาคาร Low Rise 7 ชั้น 3 อาคาร จำนวนทั้งสิ้น 408 ยูนิต โดยมีการติดตั้งนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศแรงดันบวก ซึ่ง apply เข้าไปอยู่ในห้องพักอาศัยทุกยูนิต และส่วนกลาง ซึ่งจะถูกติดตั้งอยู่ภายนอกห้อง และเติมอากาศเข้าสู่คอนโคฯตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านชั้นกรองอากาศต่างๆได้ถึง 6 ชั้น กรองได้ทั้งฝุ่นหยาบและฝุ่นละเอียด รวมถึงอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอน และฆ่าเชื้อโรคด้วย UV-C เพื่อให้ได้อากาศที่สะอาด ปลอดภัย ปลอดฝุ่นปลอดกลิ่น และปลอดเชื้อโรค และมีแสงสีฟ้าช่วยกรองอีกชั้นหนึ่งด้วย เปรียบเสมือนในห้องปลอดเชื้อในโรงพยาบาล ทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องฟอกอากาศเพิ่ม และรู้สึกสบายเมื่ออยู่ในบ้าน

นอกจากนี้ยังมีการควบคุมสารระเหยที่เป็นอันตราย (Zero VOC ด้วยการลดสารระเหยอินทรีย์ (VOCs) ซึ่งเป็นสารที่ออกมาจากวัสดุต่าง ๆ เช่น พื้น, ยาแนว, สี, หรือเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งสารเหล่านี้จะค่อย ๆ คลายออกมาและสะสมเป็นเวลานานจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แสนสิริจึงได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์และวัสดุที่ปราศจากสารระเหยให้ได้มากที่สุดจนใกล้เคียง 0%

รวมทั้งมีการจัดการระดับคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยการติดตั้งระบบตรวจสอบค่าคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งหากมีปริมาณสูงอาจทำให้ผู้อยู่อาศัยเริ่มมีอารมึนและไม่สบายตัว ระบบจะใช้แรงดันบวกเพื่อผลักดัน CO2 ออกไปเพื่อให้ห้องมีปริมาณออกซิเจนสูงสุด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการนอนหลับ ทำให้สามารถหลับได้ลึกและตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบเพื่อคนทุกช่วงวัยและสัตว์เลี้ยง รวมถึงผู้สูงอายุที่อาจต้องใช้วีลแชร์ และมีการออกแบบรองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย เช่น การแทรก “Soft Gym” เช่น พิลาทิส หรือวารีบำบัด  รวมทั้ง Pet park ที่มี Shower station, Seating, และ Cleaning station ที่ใช้พืชและวัสดุที่ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง

โดยอาคาร C ที่อยู่ติดกับ Pet park ที่สุดจะนับเป็นอาคารเดียวที่เลี้ยงสัตว์ได้ โดยมียูนิตที่เลี้ยงสัตว์ได้ทั้งหมด 132 ยูนิต หรือคิดเป็น 32% จากยูนิตทั้งหมด และภายในยูนิตที่เลี้ยงสัตว์ได้ ยังได้จัดเตรียมทั้ง double skin balcony ซึ่งข้อดีคือสามารถปรับเปลี่ยนระเบียงเป็นมุมกิจกรรมสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ และยังช่วยเรื่องของการระบายอากาศ รับลมและแสงแดดธรรมชาติ ให้กับน้องอีกด้วย รวมถึงมีการออกแบบพื้นที่ระเบียงพร้อมประตูสองชั้น เพื่อให้น้องหมาหรือน้องแมวขนาดเล็กสามารถใช้ชีวิตกึ่ง Outdoor ได้อย่างปลอดภัยและมีพื้นที่เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันยังได้มีการอกแบบ Cool Living Designเพื่อให้การอยู่อาศัยในบ้านและคอนโดฯเย็นสบาย ด้วยนวัตกรรมที่ช่วยลดความร้อน ทำให้บ้านและคอนโดเย็นขึ้น ลดความร้อนด้วยวัสดุกระจกตัดแสงสีเขียว พร้อมฟิล์มที่ช่วยสะท้อนรังสี UV เพื่อลดความร้อน ทำให้บ้านเย็นมากขึ้น รวมถึงการออกแบบที่พิจารณาตามทิศทางลม ทิศทางการหันของอาคาร และการนำองค์ประกอบธรรมชาติหรือต้นไม้เข้ามาช่วยลดความร้อน

รวมทั้งวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Materials) ก็เป็นอีกหน่งควมสำคัญที่แสนสิริพยายามผลักดันให้ทุกโครงการใช้วัสดุที่รักษ์โลกมากที่สุด โดยผ่านการทำงานร่วมกับ Green Supplier หรือ Green Partner ในการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เน้นการใช้วัสดุที่ผ่านกระบวนการ Upcycling ลดของเสียในการออกแบบต่าง ๆ เพื่อให้การใช้วัสดุเหลือเศษน้อยที่สุด หรือใช้เศษของวัสดุให้คุ้มค่าที่สุด และมีการตรวจสอบวัสดุตั้งแต่ต้นทางจาก Supplier ว่ามีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร

โพสที่เกี่ยวข้อง