Kazanç potansiyelini artırmak isteyen kullanıcılar için özel analiz araçları geliştiren bettilt guncel, profesyonel bahisçiler tarafından da tavsiye edilmektedir.

Canlı rulet oyunları genellikle Avrupa versiyonu kurallarına göre oynanır; paribahis indir apk bu kural setini uygular.

Adres engellemelerini aşmak için bahsegel kritik önem taşıyor.

Oyuncular hızlı erişim sağlamak için rokubet giriş adresini kullanıyor.

Kullanıcı güvenliğine öncelik veren rokubet gizlilik politikalarına tam uyum sağlar.

Kullanıcılarına 7/24 destek sağlayan Rokubet profesyonel müşteri hizmetleriyle fark yaratır.

“ตระกูลวานิช” เปลี่ยนสวนปาล์มเกือบ 500 ไร่ใจกลางภูเก็ตเป็นโปรเจ็กต์มิกซ์ยูสมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท “Synthesis Ark Phuket”

กลุ่มตระกูล”วานิช” ของอภิรักษ์ วานิช เจ้าของบริษัทยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกและผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ในประเทศไทย มีโรงงานในประเทศ 5 จังหวัด คือ กระบี่, สุราษฎร์ธานี, พัทลุง, นครศรีธรรมราช, พังงา รวมถึงโรงงานในประเทศฟิลิปปินส์ที่เปิดให้บริการมากว่า 10ปี  ได้นำที่ดินแลนด์แบงก์แปลงใหญ่ขนาด 491 ไร่บนถนนเทพกระษัตรีหรือทางหลวงหมายเลข 402 จังหวัดภูเก็ต จากเดิมที่เป็นเหมืองแร่เก่าที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2490 ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นสวนปาล์มน้ำมันในปี 2530 ล่าสุดได้ปรับโฉมพื้นที่สวนปาล์มแปลงใหญ่เป็นเมกะโปรเจกต์ Mixed use ที่มีมูลค่าสูงถึง 50,000 ล้านบาท ภายใต้การพัฒนาของกลุ่มบริษัทซีวี กรุ๊ป โดยใช้ชื่อโครงการว่า“Synthesis Ark Phuket“ แบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 เฟส

จันทร์ทิพย์ วานิช กรรมการผู้จัดการและผู้บริหารกลุ่มบริษัทซีวี เปิดเผยว่า บริษัทได้นำที่ดินสวนปาล์มขนาดเนื้อที่ 491 ไร่ตั้งอยู่ในทำเลถลาง จังหวัดภูเก็ต ติดถนนเทพกระษัตรี ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสนามบินภูเก็ตและตัวเมือง มาพัฒนาเป็นเมกะโปรเจ็กต์ Integrated Mixed-use Development ชื่อว่า Synthesis Ark Phuket ภายในโครงการประกอบด้วย คอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร วิลล่าหรู อาคารสำนักงาน โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ สถานศึกษา ศูนย์สุขภาพและความงาม และศูนย์การค้าระดับโลก มีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 50,000 ล้านบาท โดยมีกำหนดเริ่มงานก่อสร้างในปี 2568 นี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2575

จากธุรกิจเหมืองแร่สู่สวนปาล์ม และการสร้างเมืองระดับหมื่นล้าน

ทั้งนี้พื้นที่ดินผืนนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจของตระกูลวานิช ในจังหวัดภูเก็ต เดิมเป็นเหมืองแร่ในอดีต ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เป็นเหมืองแร่ (บุก) เก่า ของทางตระกูลวานิชมาตั้งแต่ปี 2490 ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินในช่วงปี 2530 พื้นที่นี้ได้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็น สวนปาล์มน้ำมัน และปัจจุบัน พื้นที่นี้กำลังจะถูกเปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวไปสู่การพัฒนาเป็น โครงการ Synthesis Art ภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองต้นแบบแห่งอนาคต

โดยโครงการ Synthesis Art ภูเก็ต มีความมุ่งมั่นที่จะเป็น Smart and Sustainable City หรือเมืองยั่งยืนอัจฉริยะ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการพลังงานและน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การออกแบบยังสร้างให้เมืองนี้เป็นเสมือน urban Oasis ด้วยการสร้างสวนขนาดเล็ก (Pocket Parks) จำนวนมาก และทางสัญจรที่เชื่อมโยงทุกโซนด้วยการเดินและจักรยาน ทำให้ผู้คนสามารถเชื่อมต่อกับธรรมชาติและออกกำลังกายกลางแจ้งได้ทุกวัน โดยการออกแบบและวางผังโครงการ Synthesis Art ทางทีมงานยังได้นำบริบทของพื้นที่เดิมมาใช้ในการออกแบบ เช่น การรักษาต้นและพันธุ์ไม้เดิม ที่มีอยู่ในพื้นที่ให้มากที่สุด เพื่อให้ชุมชนสามารถเชื่อมโยงเรื่องราวกับธรรมชาติได้อย่างแท้จริง รวมถึงการ ใช้ประโยชน์ทะเลสาบซึ่งเป็นของเหมืองเดิม โดยใช้เป็นพื้นที่รับน้ำและปรับภูมิทัศน์ให้ตรงกับการใช้ชีวิตในแนวใหม่

ด้วยเป้าหมายการเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกที่ได้รับการตอกย้ำด้วยการทำงานร่วมกับทีมออกแบบระดับโลก เช่น RSP Architect, P Landcap และ Stone Heng และการได้รับรางวัล Asia Best Master Planning Award ซึ่งเป็นการยืนยันวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้พัฒนาเมืองแห่งอนาคตในมาตรฐานระดับโลก โดยโครงการนี้ทำหน้าที่เป็น ต้นแบบเมืองแห่งอนาคต ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยระดับสูงที่ต้องการใช้ชีวิต ทำงาน และพักผ่อนได้อย่างครบถ้วน โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไกล

ทั้งนี้โครงการ Synthesis Art ภูเก็ต ตั้งอยู่ใจกลางของเกาะภูเก็ต ในย่านเกาะแก้ว อำเภอถลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงอย่างก้าวกระโดดและน่าจับตามากที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต โดยมีข้อมูลว่าราคาที่ดินในย่านนี้ได้เพิ่มขึ้นกว่า 100% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

“บริษัทจะเน้นกลยุทธ์การพัฒนาโครงการแบบผสมผสานขนาดใหญ่เปรียบเสมือนการสร้างเมืองย่อย ๆ ที่เริ่มต้นจาก เฟส1 ซึ่งประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านพาณิชย์และสำนักงาน จากนั้นจึงขยายไปยัง “ระบบนิเวศการอยู่อาศัยและการศึกษาในเฟส2และดเฟส 3 ผ่านการดึงดูดพันธมิตรระดับโลกและระดับประเทศเข้ามาร่วมพัฒนา โดยใช้กลไกการเช่าระยะยาวเพื่อรักษาคุณภาพและความยั่งยืนของโครงการในระยะยาว”

โดยเฟสแรกใช้ชื่อโรงการว่า “NEXUS” ตั้งอยู่บนที่ดิน 30 ไร่ มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท พัฒนาเป็นกลุ่มอาคาร 4 อาคาร คือ อาคารสำนักงาน พื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร เน้นกลุ่มเป้าหมายคือ บริษัทในเครือ, บริษัทต่างชาติที่ต้องการเปิดสาขาในภูเก็ต และบริษัทจากกรุงเทพฯ พร้อมที่จอดรถไม่ต่ำกว่า 200 คัน  โรงแรมระดับพรีเมียมสูง 3-4 ชั้นระดับ 4 ดาวขนาด 70 ห้อง ศูนย์การค้าระดับโลก ไม่เคยเปิดตัวอยู่ในภูเก็ตมาก่อน ประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และอาคาร Wellness & Aesthetic ศูนย์รวมบริการสุขภาพและความงาม โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2571

ส่วนโครงการเฟส 2 มีพื้นที่ประมาณ 120 ไร่ เดิมทีมีแผนจะพัฒนาเป็นโรงแรมและ Wellness แต่เนื่องจากมีสถานศึกษาแสดงความสนใจสูง ทำให้อาจจะมีการปรับเป็นสถานศึกษาหรือโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งมีผู้ประกอบการรายใหญ่จากกรุงเทพฯสนใจเข้าร่วมลงทุน โดยสามารถรองรับนักเรียนได้ประมาณ 600-1,600 คน  และบ้านจัดสรร รวมถึงโรงแรมขนาดใหญ่อีกแห่งที่เป็นการลงทุนร่วมกับพันธมิตรต่างชาติ

และเฟส 3 มีเนื้อที่ประมาณ 160 ไร่ จะมีการรพัฒนาพื้นที่ศูทั้งนย์การค้าระดับโลกขนาด 40 ไร่ที่ลงทุนโดยต่างชาติ โรงแรมหรูขนาดใหญ่ และที่อยู่อาศัยหลากหลายรูปแบบ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร วิลลา โดยโครงการนี้มีการลงทุนทั้งในรูปแบบการลงทุนเองและการร่วมทุน (JV) หรือการเช่าระยะยาวกับพันธมิตรประมาณ 30ปี  เพื่อรักษาคุณภาพของชุมชน

ทั้งนี้นโยบายการให้เช่าที่ดินระยะยาวนี้เปรียบเสมือนการออกกฎบัตรของเมือง (City Charter) ที่ผู้ก่อตั้งยังคงมีอำนาจในการกำกับดูแลและกำหนดทิศทางของ “เมือง” นั้น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณภาพชีวิต ทรัพยากรธรรมชาติ และความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยจะไม่ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ โดยที่ผู้เข้ามาพัฒนายังคงสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินได้เต็มที่ในระยะเวลาที่กำหนด

สำหรับโครงการ Synthesis Ark Phuket สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิด Eco-Spectrum Living ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมระบบการจัดการพลังงานและน้ำที่มีประสิทธิภาพ โดยมุ่งสร้างสมดุลระหว่าง “คน–เมือง–ธรรมชาติ” ตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งสะท้อนจากการที่ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นกว่า 100% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของภูเก็ตสู่การเป็น “จุดหมายปลายทางระดับโลก” ที่ดึงดูดกลุ่ม Digital Nomad และผู้ย้ายถิ่นฐานระดับ Ultra-Luxury มากขึ้น ในเฟสแรกจะมีการพัฒนาโครงการ “Nexus”

ไฮไลต์เฟสแรกของโครงการ NEXUS  คือ กลุ่มอาคารสำนักงานและไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้มอลล์ โดยกลุ่มบริษัทซีวี ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนในส่วนของบริษัทประมาณ 3,000 ล้านบาท พื้นที่ประมาณ 30 ไร่ ประกอบด้วย 4 อาคาร คือ อาคารสำนักงาน พื้นที่กว่า 10,000 ตร.ม. โรงแรมระดับพรีเมียมระดับ 4 ดาว สูง 3-4 ชั้น รวมยูนิต 70 ห้อง อาคาร Retail & Lifestyle ประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และ อาคาร Wellness & Aesthetic ศูนย์รวมบริการสุขภาพและความงาม จุดเด่นสำคัญของเฟสนี้คือการออกแบบอาคารสำนักงานที่มุ่งแก้ปัญหาด้านที่จอดรถในภูเก็ต โดยจัดเตรียมที่จอดรถยนต์กว่า 200 คัน พร้อมหลังคาโซลาร์เซลล์เพื่อส่งเสริมพลังงานสะอาด โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2571

ส่วนการพัฒนาในเฟส 2 และ 3 ได้มีการปรับเปลี่ยนจากแผนเดิมที่จะเน้นโรงแรมและศูนย์เวลเนส มาเป็นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและสถาบันการศึกษา เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่สูงมาก โดยโรงเรียนนานาชาติ จะมีขนาดตั้งแต่ 600 ไปจนถึง 1,600 คน และจะมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยพื่อรองรับชุมชนรอบโรงเรียนนานาชาติเพิ่มเติม

โพสที่เกี่ยวข้อง