“แอสเซทไวส์”เดินหน้าเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 320,000 หน่วย ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาทแก่ผู้ถือหุ้นเดิม หลังได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น คาดเสนอขายภายในปีนี้ พร้อมออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 506,985,818 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท และออกวอแรนต์ครั้งที่ 2 (ASW-W2) จำนวน 96 ล้านหุ้น กำหนดราคาใช้สิทธิ 12 บาทต่อหุ้น เสริมความแข็งแกร่งทางการเงินสู่เป้าหมายยอดขายที่ 10,000 ล้านบาท
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ได้มีมติอนุมัติการจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิหรือวอแรนท์ ครั้งที่ 1 (ASW-W1) จำนวนไม่เกิน 285,373,707 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตรา 3 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยมีอายุ 2 ปีนับจากวันที่ได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ในราคาใช้สิทธิ 12 บาทต่อหุ้น
นอกจากนี้ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกใหม่ของบริษัท และให้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของบริษัทจำนวนไม่เกิน 320,000 หน่วย ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท ต่อหน่วยหุ้นกู้แปลงสภาพ คิดเป็นมูลค่าเสนอขายทั้งสิ้นไม่เกิน 320 ล้านบาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่ได้รับสิทธิจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้น (PPO) ในอัตราการจัดสรร 2,676 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยหุ้นกู้แปลงสภาพ
รวมทั้งได้มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทจำนวน 506,985,818.00 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 856,121,119.00 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 1,363,106,937.00 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 506,985,818 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท
ทั้งนี้วัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้แปลงสภาพและวอร์แรนต์ในครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้มาใช้ลงทุนในโครงการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เช่น โครงการแอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช, แอทโมซ โฟลว์ มีนบุรี, ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา เป็นต้น นอกจากนี้จะนำไปลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา (Solar Rooftop) โครงการ KAVE TU คอนโดฯโลว์ไรส์ย่านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต และโครงการ KAVE Town Shift คอนโดฯใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ รังสิต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเงินกู้ Green Loan หรือเงินทุนสนับสนุนในโครงการพัฒนาพลังงานทางเลือกหรือพลังงานทดแทน ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ส่วนแผนการดำเนินงานในปีนี้บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ 7 โครงการทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบ มูลค่าโครงการรวม 12,400 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายยอดขายไว้ 10,000 ล้านบาท ล่าสุดมีโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 8 โครงการ และมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 7,338 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง