ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด เปิดตัวโครงการ Flexible Plus Program ดึงชาวต่างชาติที่มีคุณภาพและมีกำลังซื้อสูงเข้ามาลงทุนในไทย กระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19  

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) สามารถอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน ภายใต้โครงการ Flexible Plus Program เพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติที่สามารถเข้าร่วมโครงการ Flexible Plus Program ได้จะต้องเป็นสมาชิกของ Thailand Privilege Card (บัตร Thailand Elite) ที่มีอายุบัตรตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ส่วนสมาชิกเดิมต้องมีอายุสมาชิกบัตรคงเหลือไม่ต่ำกว่า 5 ปี

นอกจากนี้ประเภทของบัตรสมาชิกต้องมีมูลค่าตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ประกอบด้วย Elite Ultimate Privilege, Elite Superiority Extension  และ Elite Privilege Access

ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้าร่วมโครงการ Flexible Plus จะต้องมีมูลค่าการลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ภายในเวลา 1 ปี  หลังจากแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการหรือนับตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติให้เป็นสมาชิกบัตร

โดยกำหนดรูปแบบการลงทุนในประเทศไทยได้ 3 ประเภท คือ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ตามสิทธิที่ชาวต่างชาติพึงได้รับ การลงทุนในบริษัทจำกัดและบริษัทจำกัดมหาชน และการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือหน่วยงานลงทุนที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการ Flexible Plus จะเน้นนักลงทุนจากประเทศจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ ฮ่องกง  รัสเซีย ฝรั่งเศส อเมริกา และสิงคโปร์ เป็นต้น

“โครงการ Flexible Plus จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย  ก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนทางด้านเศรษฐกิจ รววมถึงการสร้างบรรยากาศการลงทุนให้กลับมาคึกคักตามแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของรัฐบาล เนื่องจากกลุ่มชาวต่างชาติและผู้ติดตามที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยจะมีการใช้จ่ายด้านอื่น ๆ ทั้งการท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร การซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง ฯลฯ ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวมได้”

นายฉันทลักขณ์ ฮีสวัสดิ์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน จำนวนสมาชิก Thailand  Privilege Card มีกว่า 16,000 คน และมีเป้าหมายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ 2564 ที่ผ่านมาสามารถขายบัตรสมาชิกใหม่เพิ่มได้ 3,2880 ใบ ส่วนปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มขึ้นเป็น 4,400 ใบ

สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ผู้เข้าร่วมโครงการ Flexible Plus จะได้รับพร้อมสิทธิพิเศษของบัตรแต่ละประเภท คือ การเปลี่ยนประเภทวีซ่าจากวีซ่าประเภทอยู่ชั่วคราวเป็นพิเศษ (PE Visa) เป็นวีซ่าธุรกิจและการทำงาน (Non-B Visa) และใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย (Work Permit) 5 ปี พร้อมให้สิทธิ์สำหรับผู้ติดตาม ซึ่งเป็นคู่สมรสและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายอายุไม่เกิน 20 ปีสูงสุดไม่เกิน 3 คน สามารถขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (Non Immigrant Visa) มีอายุการใช้งานการตรวจลงตราเป็นเวลา 5 ปี อีกทั้งยังสามารถใช้สิทธิประโยชน์ร่วมกับบัตรหลักได้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*