ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยข้อมูลการขออนุญาตจัดสรรทั่วประเทศช่วงไตรมาส 2 ลดลงเหลือ 15,999 ยูนิต จากปัจจัยกระทบราคาน้ำมันพุ่งสูงต่อเนื่อง ส่วนการเปิดตัวใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลมีจำนวน  23,766 ยูนิต อาคารชุดเปิดตัวมากสุด 14,932 ยูนิต ขณะที่เขตธนบุรีแชมป์เปิดตัวใหม่มากสุด 3,098 ยูนิต คาดตลอดทั้งปีนี้จะมีโครงการเปิดตัวใหม่ 77,728 ยูนิต เพิ่มขึ้น 50.8% จากปี 2564

ดร. วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า  ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงเผชิญทั้งปัจจัยลบซึ่งเป็นผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมทั้งประเทศมีการขออนุญาตจัดสรรลดลง โดยมีจำนวน 156 โครงการ รวม 15,999 ยูนิต จำนวนโครงการลดลง 1.3% และจำนวนหน่วยลดลง 5.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 7,162 ยูนิต ทาวน์เฮ้าส์ 5,358 ยูนิต บ้านแฝด 3,054 ยูนิต ที่ดินจัดสรร 240 ยูนิต และอาคารพาณิชย์ 158 ยูนิต

โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวน 9,069 ยูนิต คิดเป็น 56.9% ของทั้งประเทศ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2564 ประมาณ 30.9% ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 4,223 ยูนิต ทาวน์เฮ้าส์ 3,737 ยูนิต  และบ้านแฝด 1,012 ยูนิต

ส่วนภาคตะวันออก ยังคงมีการชะลอตัวของการขออนุญาตจัดสรรที่ดินอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวน 3,807 ยูนิต คิดเป็น 23.8% ของทั้งประเทศ สินค้าบ้านแฝดมีการขออนุญาตจัดสรรมากที่สุดจำนวน 1,435 ยูนิต รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ 1,331 ยูนิตและบ้านเดี่ยว 951 ยูนิต

เปิดตัวใหม่กทม.-ปริมณฑลกว่า 2.3 หมื่นยูนิต
ทำเลย่านธนบุรีเปิดตัวมากสุด 3 พันยูนิต

สำหรับอุปทานโครงการที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ช่วงไตรมาส 2 มีจำนวน  23,766 ยูนิต แบ่งเป็นอาคารชุด 14,932 ยูนิต  และบ้านจัดสรร 8,834 ยูนิต เพิ่มขึ้น 161.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งมีจำนวน 9,102 ยูนิต

โดยพื้นที่ที่มีการเปิดขายโครงการใหม่สูงสุด 5 อันดับ ประกอบด้วย เขตธนบุรีจำนวน 3,098 ยูนิต เป็นโครงการอาคารชุดทั้งหมด มูลค่าโครงการ 3,718 ล้านบาท,อำเภอปากเกร็ดจำนวน 2,739 ยูนิต แบ่งเป็นอาคารชุด 2,380 ยูนิต บ้านจัดสรร 359 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 9,749 ล้านบาท และอำเภอบางพลีจำนวน 1,763 ยูนิตเป็นบ้านจัดสรรทั้งหมด มูลค่าโครงการรวม 32,436 ล้านบาท

เขตลาดพร้าวจำนวน 1,250 ยูนิต เป็นโครงการอาคารชุดทั้งหมด มูลค่าโครงการ 4,669 ล้านบาท และเขตจตุจักร จำนวน 1,209 ยูนิต แบ่งเป็นอาคารชุด 1,199 ยูนิต บ้านจัดสรร 10 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 3,515 ล้านบาท

ทั้งนี้ศูนย์ข้อมูลฯคาดการณ์ว่า อุปทานการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 ทั้งโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุดจะมีประมาณ 77,728 ยูนิต เพิ่มขึ้น 50.8% จากปี 2564 ซึ่งมีจำนวน 51,531 ยูนิต  มูลค่าโครงการรวม 401,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.3% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีมูลค่าโครงการรวม 218,950 ล้านบาท

ขณะที่ปี 2564 ถือเป็นปีที่มีที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ต่ำสุดในรอบ 11 ปี นับตั้งแต่ปี 2554 และต่ำกว่าปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพมหานครที่มีจำนวน 82,595 ยูนิต

ส่วนการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินในปี 2565 คาดว่าจะมีจำนวน 42,308 ยูนิต เพิ่มขึ้น 32.5% จากปี 2564 ซึ่งมีจำนวน 31,927 ยูนิต ต่ำสุดในรอบ 16 ปีนับตั้งแต่ปี 2549 และต่ำกว่าปี 2549 ซึ่งเป็นปีที่เกิดรัฐประหารแต่มีการออกใบอนุญาตจัดสรรจำนวน  34,123 ยูนิต

ขณะที่ข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยไตรมาส 2 ทั่วประเทศมีจำนวน 95,316 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งมีจำนวน  87,485 ยูนิตประมาณ 9%  ประกอบด้วยโอนกรรมสิทธิ์บ้านแนวราบ 70,426 ยูนิต และอาคารชุด 24,890 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 257,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1%

ดังนั้นคาดว่าตลอดทั้งปี 2565 การโอนกรรมสิทธิ์จะอยู่ในภาวะทรงตัว แต่ดีขึ้นกว่าปี 2564 เล็กน้อย เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น และอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ประกอบกับมีบ้านใหม่ที่ทยอยสร้างเสร็จเข้ามาสู่ตลาดเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 349,253 ยูนิตเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ประมาณ1.6 %มูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 948,471 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*