เสนา กรุ๊ปประกาศแผนลงทุนใหม่รับปี 2566 ภายใต้วิชั่น Sustainable Business ผ่านคีย์เวิร์ด “SENA Multiplied” บุกลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและอาคารสูง พร้อมขยายโอกาสทางธุรกิจใหม่ ด้วยมูลค่า 55,000 กว่าล้านบาท เปิด 26 โครงการใหม่ มูลค่า 24,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายกว่า 18,000 ล้านบาท และยอดโอนรวม 16,500 ล้านบาท

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรใหม่ที่เป็นมากกว่า Property Developer สู่ The Essential Lifelong Trusted Partner เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี  บนแกน “SENA Multiplied” ที่พร้อมขยายธุรกิจใหม่ (New Business) ให้มีความหลากหลายและครอบคลุมตามเมกะเทรนด์และ Social Challenge

โดยโครงสร้างการลงทุนหลักยังเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ และอาคารชุด.ธุรกิจเช่า เช่น อพาร์ทเม้นท์ให้เช่า,ธุรกิจอาคารสำนักงาน,ธุรกิจสนามกอล์ฟ ,ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์,ธุรกิจบริหารงานนิติบุคคล และธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น

New Business to Strengthen Core Business
ล่าสุดบริษัทได้ยกระดับ (ENHANCED) ด้วยการพัฒนาโครงการบ้านติดโซลาร์สู่การพัฒนาบ้านพลังงานเป็นศูนย์ หรือ ZERO ENERGY HOUSING เพื่อลดการใช้พลังงานได้ไม่ต่ำกว่า 20 % ในบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมของกลุ่มเสนาฯ นอกจากนี้ยังได้จับมือบริษัทเอ็นอีซี คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ NEC Thailand ที่ปรึกษาเทคโนโลยีด้านไอที พัฒนาแพลตฟอร์ม “SMARTIFY” Smart Living Community เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าและลูกบ้าน

รวมทั้งได้เปิดตัวธุรกิจบริการทางการเงิน “เงินสดใจดี” เพื่อเพิ่มความสามารถในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้า พร้อมให้คำปรึกษาและให้ความรู้ทางด้านการเงิน,ธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์   เพื่อบริการขายและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์,ธุรกิจบริหารนิติบุคคลโครงการที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินแบบครบวงจร และธุรกิจบ้านมือสอง “SENA SURE”โดยร่วมกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM คัดเลือกทรัพย์และนำมาปรับปรุงให้มีคุณภาพ ขณะนี้อยู่ระหว่างศึก่ษารายละเอียดของการลงทุน

ขณะเดียวกันบริษัทได้พุ่งเป้าไปยังธุรกิจที่ตอบรับเมกะเทรนด์ทั้งความยั่งยืนในการประกอบธุรกิจที่เป็นมิตรต่อโลก,สังคม,สุขภาพ,สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ประกอบด้วย การบริหารจัดการด้าน Hospitality เต็มรูปแบบ “Hotel & Service Apartment Management”,ธุรกิจสถานดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะฟื้นตัว (Nursing Home) “SJ HEALTHCARE” เพื่อรองรับการเติบโตของสังคมสูงอายุพัฒนา MEDICAL WELLNESS CENTER และ PRIMARY CARE

นอกจากนี้ยังมีวางแผนลงทุนในธุรกิจ WAREHOUSE ให้เช่าแบบครบวงจร “METROBOX”  ในรูปแบบอาคารคลังสินค้ามาตรฐานสากลเพื่อรองรับผู้ประกอบการธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเตรียมเปิดตัวใน 2 ทำเลหลัก คือ ย่านบางนา บางพลี สมุทรปราการ และย่านพหลโยธิน วังน้อย อยุธยา

รวมทั้งได้จับมือบริษัทชิเซ็น อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Shizen เพื่อลงทุนและศึกษาโอกาสความเป็นไปได้ในการขยายตลาดด้านพลังงานหมุนเวียนร่วมกันในประเทศไทย และเปิดทางหาพันธมิตรในการติดตั้ง“โซลาร์แนวตั้ง”สำหรับอาคารสูงในประเทศไทย ขยายพื้นที่ให้บริการชาร์จรถไฟฟ้าหรือ EV CHARGING STATION ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการติดตั้งสถานีชาร์ตรถไฟฟ้า (EV Charging Station)เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับลูกบ้านในโครงการและลูกค้าทั่วไปในอนาคต

สำหรับแผนการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยในปีนี้ บริษัทได้เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 26 โครงการ รวมมูลค่า 24,024 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการร่วมทุนกับกลุ่มฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 22  โครงการมูลค่า 21,210 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ  9 โครงการ มูลค่า 7,471 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 3-6 ล้านบาท รวมทั้งจะเปิดตัวโครงการแบรนด์ใหม่เพื่อเจาะตลาดบ้านระดับพรีเมียมในย่านรามอินทรา ราคาขาย 20ล้านบาทขึ้นไป

ส่วนคอนโดมิเนียมมี 17  โครงการ 16,553 ล้านบาท ประกอบด้วยแบรนด์เดอะ คิทท์ 11 โครงการมูลค่า 7,825 ล้านบาท แบรนด์เฟล็กซี่ 4 โครงการ มูลค่า 6,181 ล้านบาท แบรนด์เดอะนิช 1โครงการมูลค่า 1,874 ล้านบาท และบ้านร่วมทางฝันอีก 1โครงการโดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 18,242 ล้านบาท และรายได้รวม 16,539 ล้านบาท ล่าสุดมีสินค้าที่เหลือขายคิดเป็นมูลค่า 22,294 ล้านบาทเพื่อรอรับรู้รายได้ในอนาคต

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*