รัฐบาลหนุนพัฒนา “เมืองอัจฉริยะ” เป็นวาระแห่งชาติ เพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลของประเทศ ล่าสุดก่อตั้งเมืองอัจฉริยะไปแล้ว 36 เมือง จาก 25 จังหวัด เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในชุมชนเมือง จับมือ เอ็น.ซี.ซี.  จัดงาน “Thailand Smart City Expo 2023” ระดมบริษัทชั้นนำกว่า 300 ราย ร่วมโชว์สินค้าเมืองไฮเทค ระหว่างวันที่ 22-24 พฤศจิกายนนี้

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาประเทศ และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน โดยได้กำหนดแผนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือสมาร์ทซิตี้ ให้เป็นวาระแห่งชาติตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 8 มีเป้าหมายในการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาเมืองให้มีความน่าอยู่อย่างยั่งยืน มีความพร้อมในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง

เนื่องจากโลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนปัจจัยเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม  ดังนั้นสมาร์ทซิตี้จึงตอบโจทย์ภาครัฐในด้านการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big data และใช้ประโยชน์จากข้อมูล เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการประเทศ รวมถึงกำหนดนโยบาย เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที

ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลได้ส่งเสริมการพัฒนาเมืองมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการออกแบบนโยบายการขับเคลื่อนของประเทศ ให้เหมาะสมกับการพัฒนาเชิงพื้นที่ และมีเมืองที่ได้รับตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทยแล้ว 36 เมืองจาก 25 จังหวัด

สำหรับการจัดงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีระดับนานาชาติด้านเมืองอัจฉริยะ หรือ “Thailand Smart City Expo 2023” โดยบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ถือเป็นเวทีที่ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะได้อย่างก้าวกระโดด และยั่งยืนเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนเทคนิคและความรู้เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีเพื่อการจัดการเมือง เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า เพื่อเร่งผลักดันให้เกิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอย่างมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน จึงได้กำหนดนโยบายและมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อพัฒนามาตรการดึงดูดการลงทุนในพื้นที่ Smart City ด้วยมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับนักลงทุนในเมืองอัจฉริยะสูงสุดถึง 100% ของเงินลงทุนและไม่จำกัดวงเงิน ในระยะเวลาสูงสุด 3 ปี จากเดิมนักลงทุนจะสามารถขอลดหย่อนภาษี กรณีลงทุนด้านดิจิทัลใน Smart City สูงสุด 50%

โดยแนวนโยบายนี้ได้ให้โจทย์ดีป้าและ BOI ไปสานต่อเพื่อต้องการให้นักลงทุนใน Smart City ที่ซื้อสินค้าและบริการ บัญชีบริการดิจิทัล จะได้รับการลดหย่อนเพิ่มเติมอีก 50% โดยที่บัญชีบริการดิจิทัลนี้จะเชื่อมต่อสินค้าและบริการดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ Smart City แต่ละเมืองสามารถเลือกสินค้าและบริการด้านดิจิทัลที่มีคุณภาพ และได้รับราคาที่เป็นธรรม โดยหน่วยงานภาครัฐสามารถเลือกใช้สินค้าและบริการในบัญชีบริการดิจิทัลได้ด้วยระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างกรณีพิเศษ และหน่วยงานภาคเอกชนจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการลดหย่อนภาษีสูงถึง 200%

นอกจากนี้กระทรวงฯ ได้ดำเนินการผลักดันมาตรการด้านการพัฒนาข้อมูล โดยส่งเสริมให้ใช้บริการแพลตฟอร์มข้อมูลเมือง (City Data Platform: CDP) ที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับเมืองไปสู่เมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน ที่จะช่วยให้เมืองสามารถติดตามและประเมินผลการยกระดับเมือง รวมถึงนำไปสู่การตัดสินใจลงทุน และสร้างนโยบายบริหารเมืองที่เหมาะสมต่อไป

“งาน Thailand Smart City Expo 2023 เป็นเวทีเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญและผู้สนใจสามารถมาศึกษาเรียนรู้ ตลอดจนระดมสมอง ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ทั้งยังเป็นการรวมตัวของผู้นำเมืองมากกว่า 100 เมือง ทำให้เกิดเครือข่ายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่เข้มแข็งในอนาคต”

รศ.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากแผนพัฒนากรุงเทพมหานครระยะ 20 ปี ระยะที่ 3 ระหว่างปี 2556–2575 มุ่งเน้นยุทธศาสตร์ทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ มหานครปลอดภัย มหานครสีเขียวสะดวกสบาย มหานครสำหรับทุกคน มหานครกระชับ มหานครประชาธิปไตย มหานครแห่งเศรษฐกิจและการเรียนรู้ และการบริหารจัดการมหานคร โดยขั้นตอนที่จะบรรลุยุทธศาสตร์ตามที่ได้วางแผนไว้นั้น การประยุกต์ใช้สมาร์ทเทคโนโลยีหรือเทคโนโลยีอัจฉริยะนับเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเมือง เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชากรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า การพัฒนาเมืองและชุมชนขนาดใหญ่ไปสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้ จะเป็นพลังสำคัญในการผลักดันธุรกิจ MICE เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะสมาร์ทซิตี้จะก่อให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของการจัดประชุม งานแสดงสินค้า และนิทรรศการสมัยใหม่ ที่ต้องอาศัยการเดินทางที่สะดวกสบาย มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีความปลอดภัยสูง และมีโครงข่ายการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูง

ดังนั้นหากสามารถกระจายสมาร์ทซิตี้ไปได้ทั่วประเทศ ก็จะเป็นโอกาสสำคัญในการขยายการจัดงาน MICE ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ไปสู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า การจัดงาน “Thailand Smart City Expo” ในครั้งนี้ เป็นการจัดอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2  ระหว่างวันที่ 22-24 พฤศจิกายนนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  โดยได้รวบรวมสินค้า นวัตกรรม องค์ความรู้ เกี่ยวกับเทคโนโลยีการพัฒนาและยกระดับเมือง พร้อมแบ่งหมวดหมู่เทคโนโลยีออกเป็น 7 ด้านสำคัญสำหรับ Smart City ได้แก่ Smart Telecom, Smart Energy, Smart Living, Smart Industry & Retail, Smart Mobility, Smart Environment และ Smart Healthcare ซึ่งจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากบริษัทชั้นนำกว่า 300 บริษัท รวมถึงพาวิลเลียนจากต่างประเทศ

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*