ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ในไตรมาส 1 ปี 2566 มีค่าดัชนีเท่ากับ 46.7 ลดลงค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2565 ที่มีค่าดัชนีเท่ากับ 51.5 และยังคงต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50.0 สะท้อนผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นลดลงและมีมุมมองเชิงลบต่อสถานการณ์ธุรกิจในภาวะปัจจุบัน

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาลดลงเหลือ 46.7 ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 แต่ลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมามีค่าค่าดัชนีอยู่ที่ 51.5 โดยพบว่าความเชื่อมั่นในด้านผลประกอบการ ยอดขาย การลงทุน และการเปิดโครงการใหม่และหรือเฟสใหม่ลดลงระหว่าง -10.8 ถึง -3.5 จุด อาจเป็นผลมาจากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายหรือ กนง. ที่มีการประกาศเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 ปรับขึ้นดอกเบี้ยยโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.25% เป็น1.50% ต่อปี และในวันที่ 28 มีนาคม 2566 ปรับขึ้นอีก 0.25% เพิ่มขึ้นเป็น 1.75%

ขณะที่ความเชื่อมั่นในด้านต้นทุนผลประกอบการปรับเพิ่มขึ้น 3.7 จุด สะท้อนว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในด้านต้นทุนการประกอบการในการพัฒนาที่อยู่อาศัยมากขึ้น เนื่องจากมีการปรับตัวคงที่ในระดับหนึ่ง แต่เนื่องจากภาพรวมต้นทุนยังคงสูงอยู่ทำให้ระดับความเชื่อมั่นยังต่ำกว่า 50% ต่อเนื่องมามากกว่า 5 ไตรมาส

ทั้งนี้หากจำแนกความเชื่อมั่นตามกลุ่มผู้ประกอบการพบว่า ความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันของผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies ในไตรมาส 1 ปี 2566 มีค่าดัชนีเท่ากับ 50 จุด ต่ำกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่มีค่าดัชนี 55.2 จุด แต่ยังคงเท่ากับค่ากลางที่ระดับ 50 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies ยังคงมีความเชื่อมั่นต่อธุรกิจในภาวะปัจจุบัน

ส่วนผู้ประกอบการกลุ่ม Non-listed Companies ในไตรมาส 1 มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นเท่ากับ 41.9 ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 46แ ละยังคงต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการรายย่อยกลุ่ม Non-listed Companies มีความกังวลต่อปัจจัยลบดังกล่าวมากกว่ากลุ่ม Listed Companies

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในภาพรวมอีก 6 เดือนข้างหน้า (Expectations Index) มีค่าเท่ากับ 61.4 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ระดับ 60.5 และค่าดัชนีสูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอีก 6 เดือนเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวมที่ได้รับผลจาการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว การเข้ามาลงทุนของนักลงทุนชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากการซื้อเพื่อเก็งกำไรเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยระยะยาว

แต่อย่างไรก็ตาม การจ้างงาน ต้นทุนการประกอบการ และการเปิดโครงการใหม่และหรือเฟสใหม่ ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน -3.2 และ -0.3 จุดตามลำดับ ซึ่งอาจเนื่องมาจากต้นทุนของวัสดุก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้น และการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ต่ออายุการผ่อนคลายมาตรการ LTV ซึ่งสิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการลังเลที่จะเปิดโครงการใหม่ โดยผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 67.1 จากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 61.2 แต่กลุ่ม Non-listed Companies มีค่าดัชนีเท่ากับ 52.9 ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 59.3

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*