บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) มุ่งพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ในเรื่องที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มคนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่กำลังขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เปิดตัวโครงการดิ แอสเพน ทรี  ที่พักอาศัยโครงการแรกของ MQDC ที่มุ่งจับตลาดนี้จำนวน 290 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอย 83-253 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในพื้นที่ 398 ไร่ของโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งอยู่ในระหว่างก่อสร้าง บริเวณกิโลเมตรที่ 7 ถนนบางนา-ตราด

นางสาวเฮ จูน พาร์ค ประธานผู้อำนวยการโครงการ ดิ แอสเพน ทรี ที่เดอะ ฟอเรสเทียส์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนวัยทำงานคาดหวังที่จะมีชีวิตหลังเกษียณแบบสบายๆต่อไปอีกไม่ต่ำกว่า 25 ปี และมีสุขภาพแข็งแรง แม้จะอายุอยู่ในวัน 80-90 ปีแล้วก็ตาม บริษัทจึงได้เล็งเห็นศักยภาพที่สูงมากในตลาดโครงการที่พักอาศัยเซ็กเมนต์ใหม่นี้ที่เปิดโอกาสให้คนวัย 50 ปีขึ้นไปที่ยังแข็งแรงอยู่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่ต่างไปจากเดิม โดยมีการบริการที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิดและมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้งมีกิจกรรมที่จะมาเติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์ทั้งทางกายและทางใจ

ดังนั้นโครงการดิ แอสเพน ทรี จึงได้ออกแบบให้เป็นอาคารแบบคอนโดมิเนียมและสกายวิลล่าระดับเฟิร์สคลาส จำนวน 290 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 83 ตารางเมตรไปจนถึง 253 ตารางเมตร ทุกยูนิตมีดีไซน์ที่ให้ความปลอดภัย และเอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในวัยนี้มากกว่า อีกทั้งยังมีบริการที่ส่งเสริมการใช้ชีวิตในด้านต่างๆ ทั้งบริการด้านการดูแลรักษาสุขภาพที่ต้องการการเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ หรือความต้องการอื่นๆ ในบริเวณบ้านไปจนถึงบริการนอกบ้าน เช่น การอำนวยความสะดวกในการเดินไปที่ทาวน์เซ็นเตอร์ของเดอะ ฟอเรสเทียส์ หรือเดินเล่นในป่าเนื้อที่ 30 ไร่

นอกจากนี้ยังได้ออกแบบแนวคิดการดูแลตลอดชีวิต (Life-time Care) โดยให้ลูกค้าจ่ายเงินซื้อบ้านครั้งเดียว นอกจากจะได้ที่พักอาศัยแล้ว เจ้าของบ้านยังได้รับประกันสุขภาพ  ซึ่งครอบคลุมความจำเป็นด้านการรักษาพยาบาลไปจนถึงอายุ 99 ปี รวมทั้งได้รับการดูแลการใช้ชีวิตแบบตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน บริการแม่บ้านทุกสัปดาห์ อาหารเช้า บริการอาหารสำหรับผู้ที่ต้องการการดูแลด้านโภชนาการเป็นพิเศษ หรือสิทธิในการใช้บริการห้องรับประทานอาหารส่วนกลาง และคลับเฮาส์ที่มีโปรแกรมฟิตเนสพิเศษ ในการบริหารร่างกายและจิตใจอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงกิจกรรมทางสังคม อย่างกลุ่มเรียนศิลปะ และงานฝีมือ เป็นต้น

“แนวคิดการดูแลตลอดชีวิตหรือ Life-time Care จะช่วยขจัดความวิตกกังวลที่เป็นปัญหาใหญ่ของวัย 50 ขึ้นไป ทำให้ผู้อยู่อาศัยในวัยนี้สามารถที่จะอยู่อย่างมีความสุข มีความสบายใจไปกับไลฟ์สไตล์ของตนเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยญาติพี่น้องหรือเพื่อนพ้องในการดำเนิชีวิตประจำวัน”นอกจากนั้นยังช่วยลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเงิน เนื่องจากไม่มีภาระค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายเมื่อเข้าพักอาศัยในโครงการ ขณะเดียวกันผู้อาศัยไม่ต้องกังวลเรื่องการจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพอีกทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุด้วย โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ได้รวมเอาไว้ในราคาที่ซื้อกับโครงการแล้ว

นายวิทยา สินทราพรรณทร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโครงการ MQDC กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีจำนวนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในโลก โดยจากการศึกษาพบว่าในปี 2528 มีประชากรไทยที่มีอายุมากกว่า 60 ปีมีเพียงประมาณ 6% ของประชากรทั้งหมด แต่ปัจจุบันสัดส่วนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่าตัวอยู่ที่ 20% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งจากรายงานแนวโน้มประชากรโลกของสหประชาชาติ (The United Nations’ World Population Prospects study) คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีพลเมืองอาวุโสเพิ่มขึ้นจากในปัจจุบันประมาณสองเท่าตัวภายในปี 2593 คิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดของไทย

ทั้งนี้ MQDC ได้นำเสนอแพ็คเกจทดลองอยู่ในโครงการ ดิ แอสเพน ทรี เป็นระยะเวลา 1 ปีและ 5 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ถึง 30 มิถุนายน 2566 โดยแพ็คเกจทดลองอยู่แบบ 1 ปี มีห้องพักให้เลือกขนาด 1 ห้องนอนหรือ 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 80 ตารางเมตรขึ้นไปจนถึง 123 ตารางเมตรตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการใช้ชีวิตและการทำกิจกรรมร่วมกัน

ส่วนแพ็คเกจทดลองอยู่ระยะเวลา 5 ปี มีห้องพักขนาด 1 ห้องนอนหรือ 2 ห้องนอนให้เลือกเช่นเดียวกัน แต่มีบริการเพิ่มเติมเรื่องประกันสุขภาพตลอดระยะเวลาที่พักอาศัยด้วย

ทั้งนี้เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาทดลองอยู่แล้ว หากลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อห้องชุดในโครงการดิ แอสเพน ทรี เป็นที่อยู่อาศัยถาวรของตนเองต่อไป สามารถนำเงินที่จ่ายไปในช่วงเวลาห้าปีนั้นมาหักออกจากราคาที่จะอยู่ตลอดชีวิตให้ด้วย

นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองซื้อห้องชุดขนาด 2 ห้องนอนตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2566 จะได้รับเครดิตสำหรับซื้อบัตรโดยสารการบินไทยมูลค่า 350,000 บาท พร้อมกับเป็นสมาชิกสะสมไมล์ รอยัล ออร์คิด พลัส ของการบินไทย ระดับโกลด์ 2 ปี ส่วนลูกค้าชาวต่างชาติ จะได้รับบัตรสมาชิกไทยแลนด์ อีลิท การ์ด มูลค่า 1 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขอวีซ่าเพื่อการพำนักในประเทศไทยในระยะยาว พร้อมมอบสิทธิพิเศษเวาเชอร์เพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์ มูลค่า 1 ล้านบาท

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*