ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ แจงภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย 5 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือช่วงครึ่งแรกปี 2566 มีอุปทานพร้อมขายอยู่ในตลาดจำนวน 14,721 ยูนิต มูลค่า 50,859 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรรมากสุด 11,909 ยูนิต มูลค่า 45,415 ล้านบาท โดยพื้นที่”โคราช”มีที่อยู่อาศัยเสนอขายมากสุด 6,577 ยูนิต  ขณะที่สินค้าเหลือขายทั้ง 5 จังหวัดเพิ่มขึ้น 22.8%  คาดการณ์ปี 2566 จะมีที่อยู่อาศัยเข้ามาในตลาดจำนวน 4,511 ยูนิต มูลค่า 15,446 ล้านบาท หน่วยเหลือขายอยู่ที่ 12,535 ยูนิต มูลค่า 42,843 ล้านบาท

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัดในช่วงครึ่งแรกปี 2566 มีจำนวนอุปทานพร้อมขายอยู่ในตลาดจำนวน 14,721 ยูนิต มูลค่า 50,859 ล้านบาท แบ่งเป็นอาคารชุด 2,812 ยูนิต มูลค่า 5,444 ล้านบาท บ้านจัดสรร 11,909 ยูนิต มูลค่า 45,415 ล้านบาท โดยจังหวัดนครราชสีมา และขอนแก่น ถือเป็นจังหวัดที่มีขนาดตลาดเป็นลำดับ 1 และ 2 ในทุกด้าน  เช่น จังหวัดนครราชสีมามีจำนวนที่อยู่อาศัยทุกประเภทเสนอขายถึง 6,577 ยูนิต  คิดเป็น 44.7%ของหน่วยที่เสนอขายทั้งหมด มูลค่า 23,620 ล้านบาท ส่วนจังหวัดขอนแก่นมีสินค้าเสนอขายทั้งหมด 4,979 ยูนิต คิดเป็น 33.8% มูลค่า 15,996 ล้านบาท

ส่วนโครงการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดมีจำนวน 3,007 ยูนิต มูลค่า 10,297 ล้านบาท จังหวัดขอนแก่นมีการเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดทั้งบ้านจัดสรรและอาคารชุดรวม 1,378 ยูนิต  มูลค่า 4,400 ล้านบาท แบ่งเป็นหน่วยบ้านจัดสรร 888 ยูนิต  มูลค่า 3,687 ล้านบาท และอาคารชุด 490 ยูนิต  มูลค่า 712 ล้านบาท

ด้านโครงการขายได้ใหม่มีจำนวน 1,892 ยูนิต มูลค่า 6,854 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 1,593 ยูนิต  มูลค่า 6,303 ล้านบาท และอาคารชุด 299 ยูนิต มูลค่า 551 ล้านบาท โดยจังหวัดนครราชสีมามีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่สูงสุด 746 ยูนิต คิดเป็น 39.4% มูลค่า 2,774 ล้านบาท แต่มีอัตราการดูดซับ 1.9 %ต่อเดือน ต่ำกว่าจังหวัดอื่นเล็กน้อย รองลงมาเป็นจังหวัดขอนแก่นจำนวน 739 ยูนิต  มูลค่า 2,632 ล้านบาท มีอัตราการดูดซับ 2.5% ต่อเดือน โดยจังหวัดขอนแก่นมีอัตราดูดซับบ้านจัดสรรสูงสุด 2.7% และจังหวัดมหาสารคามมีอัตราดูดซับอาคารชุดสูงสุด 2.6%

สำหรับทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย  ทำเลบ้านเป็ด จำนวน 241 ยูนิต มูลค่า 1,110 ล้านบาท ทำเลในเมืองนครราชสีมา จำนวน 229 ยูนิต มูลค่า 895 ล้านบาท ทำเลจอหอ จำนวน 189 ยูนิต มูลค่า 658 ล้านบาท ทำเลบึงแก่นนครจำนวน 141 ยูนิต มูลค่า 633 ล้านบาท และทำเลม.ขอนแก่น จำนวน 132 ยูนิต มูลค่า 282ล้านบาท

“อุปทานโดยรวมในช่วงครึ่งปีแรก 2566 มีที่อยู่อาศัยเสนอขายทั้งหมด 14,721 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.6% มูลค่า 50,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% โดยเป็นโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนเพียง 3,007 ยูนิตเท่านั้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 48.9%  มูลค่า 10,297 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72.4%”

ขณะที่ที่อยู่อาศัยเหลือขายในช่วงครึ่งแรกปี 2566 มีจำนวน 12,829 ยูนิต เพิ่มขึ้น 22.8% มูลค่า 44,006 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย 5 ทำเล ที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายมากที่สุดใน 5 จังหวัด  ประกอบด้วย ทำเลจอหอจำนวน 1,606 ยูนิต มูลค่า 5,173 ล้านบาท ทำเลในเมืองนครราชสีมา จำนวน 1,196 ยูนิต มูลค่า 4,990 ล้านบาท ทำเล ม.ขอนแก่น จำนวน 1,115 ยูนิต มูลค่า 1,994 ล้านบาท ทำเลบ้านใหม่-โคกกรวดจำนวน 979 ยูนิต มูลค่า 2,884 ล้านบาทและทำเลหัวทะเล จำนวน 942 ยูนิต มูลค่า 3,103 ล้านบาท โดยระดับราคาสินค้าที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุดคือ  2-3 ล้านบาท มีจำนวนมากถึง 3,986 ยูนิต มูลค่า 10,706 ล้านบาท

อสังหาฯนครราชสีมาสินค้าขายได้ใหม่ลดเกือบ 50%

ผลการสำรวจที่อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีที่อยู่อาศัยเสนอขายรวมทั้งสิ้น 6,577 ยูนิต เพิ่มขึ้น 2.4 %มูลค่า 23,620 ล้านบาท ลดลง -8.4% แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 5,362 ยูนิต มูลค่า 20,729 ล้านบาท อาคารชุด 1,215 ยูนิต มูลค่า 2,891 ล้านบาท

ส่วนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดมีจำนวน 1,062 ยูนิต เพิ่มขึ้น 13.6% มูลค่า 3,675 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.3% ด้านจำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีจำนวน 746 ยูนิต ลดลง -49.6 %มูลค่า 2,774 ล้านบาท ลดลง -63.8% ส่งผลให้จำนวนหน่วยเหลือขายอยู่ที่ 5,831 หน่วยเพิ่มขึ้น 18% มูลค่า 20,846 ล้านบาท  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565

ทั้งนี้ศูนย์ข้อมูลฯคาดการณ์ว่า ตลอดทั้งปี 2566 จะมีที่อยู่อาศัยเข้ามาในตลาดจำนวน 1,593 ยูนิต มูลค่า 5,513 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ 1,449 ยูนิต มูลค่า 5,399 ล้านบาท ส่วนหน่วยเหลือขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 5,659 ยูนิต มูลค่า 20,294 ล้านบาท

“ขอนแก่น”เปิดขายใหม่ 1,378 ยูนิต เพิ่มขึ้น 196.3%

สำหรับผลการสำรวจตลาดอสังหาฯในจังหวัดขอนแก่น พบว่ามีที่อยู่อาศัยเสนอขายรวมทั้งสิ้น 4,979 ยูนิต มูลค่า 15,996 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.7% และ 38.9%ตามลำดับ  แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 3,490 ยูนิต  มูลค่า 13,606 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 1,489 ยูนิต มูลค่า 2,390 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่จำนวน 1,378 ยูนิต เพิ่มขึ้น 196.3% มูลค่า 4,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 266.7%

ด้านจำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีจำนวน 739 ยูนิต เพิ่มขึ้น 11.3% มูลค่า 2,632 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.2% แต่จำนวนหน่วยเหลือขายในตลาดกลับมีจำนวนมากถึง  4,240 หน่วยเพิ่มขึ้น 29.8% มูลค่า 13,364 ล้านบาท  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565

โดยคาดการณ์ว่าในปี 2566 จะมีที่อยู่อาศัยเข้ามาในตลาดขอนแก่นจำนวน 2,067 ยูนิต มูลค่า 6,599 ล้านบาท และมีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่อยู่ที่ 1,451 ยูนิต มูลค่า 5,142 ล้านบาท แต่หน่วยเหลือขายจะลดลงมาอยู่ที่ 4,217 ยูนิต มูลค่า 13,107 ล้านบาท

ตลาดอสังหาฯอุบลราชธานีเปิดขายใหม่แค่ 294 ยูนิต          

ส่วนจังหวัดอุบลราชธานี มีที่อยู่อาศัยเสนอขายรวมทั้งสิ้น 1,382 ยูนิต ลดลง -6.3% มูลค่า 4,330 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 1,293 ยูนิต มูลค่า 4,187 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 89 ยูนิต มูลค่า 142 ล้านบาท

ส่วนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดมีจำนวน 294 ยูนิต ลดลง -36.9% มูลค่า 869 ล้านบาท ส่งผลให้จำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีจำนวน 191 ยูนิต ลดลง -53.3% มูลค่า 663 ล้านบาท แต่จำนวนหน่วยเหลือขายในตลาดยังมีอยู่ถึง 1,191 ยูนิตเพิ่มขึ้น 11.9% มูลค่า 3,667 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565

โดยคาดการณ์ว่าตลอดทั้งปีนี้จะมีที่อยู่อาศัยเข้ามาในตลาดจำนวน 441 ยูนิต มูลค่า 1,303 ล้านบาท จำนวนหน่วยขายได้ใหม่ อยู่ที่ 372 ยูนิต มูลค่า 1,291 ล้านบาท ส่วนหน่วยเหลือขายจะอยู่ที่ 1,157 หน่วย มูลค่า 3,565 ล้านบาท

ภาพรวมอสังหาฯอุดรธานีสต็อกเหลือขายสิ้นปีนี้ 1,089 ยูนิต

สำหรับครึ่งแรกปี 2566 ในพื้นที่สำรวจจังหวัดอุดรธานี มีที่อยู่อาศัยเสนอขายรวมทั้งสิ้น 1,304 หน่วย มูลค่า 5,353 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.7 และ ร้อยละ 70.2 โดยแบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 1,298 หน่วย มูลค่า 5,342 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 6 หน่วย มูลค่า 10 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งแรกปี 2566 มีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวน 215 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 72.0 มูลค่า 1,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 211.9

ส่วนจำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีจำนวน 167 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 106.2 มูลค่า 632 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 125.9 และจำนวนหน่วยเหลือขาย 1,137 หน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.8 มูลค่า 4,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 64.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 (YoY) REIC คาดการณ์ ปี 2566 จะมีที่อยู่อาศัยเข้ามาในตลาดจำนวน 323 หน่วย มูลค่า 1,710 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ 323 หน่วย มูลค่า 1,221 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย 1,089 หน่วย มูลค่า 4,520 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*