แอสเซทไวส์” ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยแนวคิด “THE NEW FRONTIERS” ลุยปี’67 เปิด 12 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 25,920 ล้านบาท ขยายทำเลครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ EEC และภูเก็ต เสริมแกร่งด้วยธุรกิจใหม่เพิ่มรายได้ประจำ ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์  และธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ ตั้งเป้ายอดขาย 17,800 ล้านบาทและรายได้ 8,700 ล้านบาท 

 นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 30,260 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้เดิม 12 โครงการ และสามารถทำยอดขายได้ถึง 16,486 ล้านบาท เติบโตกว่า 16% เมื่อเทียบกับปี2565 แบ่งเป็นคอนโดฯ 13 โครงการ ในจำนวนนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด 3โครงการคือ ภูเก็ต ระยอง และบางแสน ส่วนบ้านแนวราบมี 2 โครงการ

สำหรับแผนการดำเนินงานปี 2567 ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 25,920 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 9 โครงการ และแนวราบ 3 โครงการ พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 17,800 ล้านบาท เติบโตประมาณ 8% จากปี 2566  และเป้ารายได้ 8,700 ล้านบาท

โดยจะขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิด “THE NEW FRONTIERS” ทั้งการรักษาความแข็งแกร่งของพอร์ตธุรกิจหลักของบริษัทที่เป็นคอนโดมิเนียม พัฒนาภายใต้ 3 แบรนด์หลัก ประกอบด้วย  KAVE, ATMOZ และ MODIZ ที่ได้เปิดตัวโครงการทั้งในกรุงเทพ ปริมณฑล  และ EEC โดยในปีนี้จะเปิดคอนโดฯใหม่ในเขตกรุงเทพและ EEC รวม 6 โครงการ มูลค่า 10,820 ล้านบาท เน้นทำเลเดินทางสะดวก ใกล้สถาบันการศึกษา และแหล่งงาน

รวมถึงจะเปิดตัวบูทีคคอนโดฯแบรนด์ใหม่ Maroon รัชดา 32 เป็นคอนโดฯโลว์ไรส์ 8 ชั้นสไตล์บูทีคคอนโด และ Aquarous ย่านจอมเทียน-พัทยา คอนโดฯไฮไรส์มูลค่าโครการ 4.500 ล้านบาท โดยมีห้องชุดที่มีมองเห็นวิวทำเลถึง 80%

ส่วนโครงการแนวราบจะพัฒนาภายใต้แบรนด์ ESTA,THE ARBOR, THE HONOR และปีนี้จะเปิดตัวแบรนด์ใหม่ CHANN The Riverside บ้านเดี่ยวบูทีคติดแม่น้ำท่าจีน รวมถึงการรุกขยายธุรกิจสู่พื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งศรีราชา บางแสน และระยอง ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวและแหล่งนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง โดยล่าสุดจะมีการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนหลายแบรนด์ที่มาตั้งฐานการผลิตในเขต EEC ทำให้ยังคงมีดีมานด์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ต่อเนื่องทั้งซื้ออยู่อาศัยเอง และเพื่อลงทุน

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการที่สร้างเสร็จใหม่พร้อมโอนในปี 2567 อีกจำนวน 9 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมจำนวน 7  โครงการ มูลค่ารวมกว่า 9,557 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 2 โครงการ และมียอด Backlog อยู่ถึง 19,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการในกรุงเทพและปริมณฑลจำนวน 13,700 ล้านบาท โครงการในทำเล EEC จำนวน 1,800 ล้านบาท ส่วนโครงการในภูเก็ตมีกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2567 ต่อเนื่องไปถึงปี 2569

สำหรับพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ที่ภูเก็ต ปัจจุบันแอสเซทไวส์ได้พัฒนาคอนโดฯแบรนด์ THE TITLE ภายใต้บริษัทร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ซึ่งเป็นบริษัทในเครือแอสเซทไวส์ ในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมาได้เปิดขายโครงการเดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา จำนวน 637 ยูนิตมูลค่า 4,500 ล้านบาท ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างดีมียอดขายรวมแล้วกว่า 80%

ส่วนในปี 2567 บริษัทมีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการเดอะ ไทเทิล เฮอริเทจ บางเทา จำนวน 789 ยูนิตมูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท  โครงการเดอะ ไทเทิล เซเรนิตี้ ในยาง จำนวน 814 ยูนิตมูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท  และโครงการเดอะ ไทเทิล ราไวย์  มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังได้ร่วมลงทุนพัฒนาโครงการโบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว ลักชัวรีพูลวิลล่าที่มีมูลค่าสูงถึง 13,000 ล้านบาท ในสัดส่วนการถือหุ้น 30% ทำให้พอร์ตอสังหาฯ ในภูเก็ตของแอสเซทไวส์มีความครบเครื่องและมีโปรดักต์ครอบคลุมทั้ง Leisure คอนโดมิเนียม และวิลล่าระดับลักชัวรี

นอกจนี้บริษัทยังได้มองหาโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อเป็นการสร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income) ให้กับบริษัท ทั้งธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ ภายใต้โครงการ Mingle Mall ประกอบด้วย ร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ ,  Well Aesthetic & Wellness Center  พื้นที่เช่าสำหรับผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจประเภทศูนย์สุขภาพและคลินิกด้านความงาม ย่านรัชดาภิเษก  และล่าสุดได้เปิดตัวมิงเกิ้ล สปอร์ต วิลเลจ ศูนย์กีฬาในร่ม รวมถึง Rocket Fitness  ภายใต้การบริหารงานของบริษัท เทรเชอร์ เอ็ม จำกัด ในเครือแอสเซทไวส์  รวมถึง ZAAP World ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอนเสิร์ตและอีเวนท์ต่าง ๆ

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*