การพัฒนาโครงการอาคารชุดที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ถือเป็นแนวทางหนึ่งในการพัฒนาโครงการอาคารชุดที่ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อสูง จากผลการสำรวจของแอล ดับเบิลยู เอส พบว่าผู้ซื้ออาคารชุดที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้พร้อมที่จะจ่ายเงินซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาเกิน 2 ล้านบาทต่อยูนิต ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยง

นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแอล.ดับเบิลยู.เอส. วิสดอมแอนด์โซลูชั่นส์ จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัทแอล. พี. เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยผลวิจัยของฝ่ายวิจัยและสำรวจทำเลที่เหมาะสมในการพัฒนาอาคารชุดเพื่อสัตว์เลี้ยงในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลว่า ณ สิ้นปี 2566 มีจำนวนอาคารชุดประเภทที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จำนวน 23,031 ยูนิต เพิ่มขึ้น 4,600.20 %   เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่มีจำนวนแค่ 490 ยูนิตหรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 353.86% ต่อปี สะท้อนให้เห็นความต้องการที่อยู่อาศัยในกลุ่มนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เริ่มพัฒนาโครงการอาคารชุดที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ เพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ซื้อในกลุ่มนี้ที่มีสัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวที่เรียกว่า Pet Parent หรือ Pet Humanization ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประชากรที่เป็นโสด หรือแต่งงานแล้วไม่อยากมีลูก และเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวมากกว่าที่จะเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านเหมือนในอดีต

ทั้งนี้บริษัทได้วิเคราะห์ทำเลที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาอาคารชุดที่สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ โดยคำนึงถึง 4 ปัจจัยหลักประกอบด้วย

-ทำเลใกล้ระบบขนส่งมวลชน เพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงสำหรับการเดินทางไปทำงานข้างนอก โดยควรเลือกโครงการอาคารชุดที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีระบบขนส่งมวลชนเชื่อมต่อไปยังจุดอื่นในระยะ 3-5 กิโลเมตร เช่น รถไฟฟ้า BTS และ MRT​ ซึ่งควรอยู่ในระยะเดินได้ภายในระยะทาง 1 กิโลเมตร

-ทำเลใกล้กับสาธารณูปโภคสำคัญสำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น โรงพยาบาลสัตว์ หรือคลินิกสัตว์เลี้ยง ในรัศมีพื้นที่ 3-5 กิโลเมตร โดยจากผลการสำรวจพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความต้องการโครงการอาคารชุดที่อยู่ติดกับโรงพยาบาลหรือคลินิกสัตว์เลี้ยง หากเกิดเหตุฉุกเฉินก็สามารถรับการรักษาได้ทันท่วงที

-ทำเลโครงการตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่ค้าปลีก เช่น ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่อนุญาตให้สัตว์เลี้ยงเข้าได้  เพื่อตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่ม Pet Parent ที่นิยมออกไปทำกิจกรรมหรือพบปะสังสรรค์ตามสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมของคอมมูนิตี้สัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ศูนย์การค้าที่รองรับสัตว์เลี้ยงจะถูกออกแบบให้มีร้านขายอาหารสัตว์หรืออุปกรณ์สัตว์เลี้ยงมาด้วย

-ทำเลโครงการตั้งใกล้สวนสาธารณะ โดยควรอยู่ในระยะทางการเดินไม่เกิน 15 นาที ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 56% ของคนมีสัตว์เลี้ยง​ชอบพาสัตว์เลี่ยงไปเดินเล่น อออกกำลังกาย​ที่สวนสาธารณะมากที่สุด

จาก 4 ปัจจัยดังกล่าว บริษัทได้นำเสนอ 5 ทำเลหลักที่เหมาะสำหรับการพัฒนาอาคารชุดที่เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์ ได้แก่

ปทุมวัน เป็นทำเลใจกลางเมืองที่พร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งศูนย์การค้าที่รองรับสัตว์เลี้ยง โรงพยาบาลสัตว์ถึง 2 โรงพยาบาล และติดรถไฟฟ้าBTS สายสีเขียวอีกด้วย ประกอบกับในทำเลมียูนิตอาคารชุดที่เลี้ยงสัตว์ซึ่งขายหมดไปแล้ว จึงเป็นโอกาสในการพัฒนาโครงการใหม่

คลองสาน ทำเลในฝั่งธนบุรีไม่ไกลจากตัวเมือง พร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งสวนสาธารณะ โรงพยาบาลสัตว์ แต่ยังไม่มีโครงการอาคารชุดที่รองรับสัตว์เลี้ยง ถือเป็นโอกาสในการเปิดตัวโครงการ​ใหม่

บางซื่อ มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่รองรับสัตว์เลี้ยงทั้งโรงพยาบาลสัตว์และสวนสาธารณะ และเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีแดง รวมไปถึงยังไม่มีโครงการที่รองรับสัตว์เลี้ยงในทำเลนี้

แจ้งวัฒนะ เป็นทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับสัตว์เลี้ยงครบ ทั้งโรงพยาบาล ร้านค้าสัตว์เลี้ยง สวนสาธารณะ และศูนย์การค้าที่รองรับสัตว์เลี้ยง คือ เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ​ ขณะที่ในทำเลนี้ยังไม่มีโครงการอาคารชุดที่รองรับสัตว์เลี้ยง ถือเป็นโอกาสในการเปิดตัวโครงการ​ ที่สำคัญยังมีเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูเปิดให้บริการอีกด้วย

โชคชัย 4 ถือว่าเป็นทำเลยอดนิยมของกลุ่ม Pet Parents เพราะเป็นทำเลที่มีศูนย์การค้าเซ็นทรัล    อีสวิลด์ และคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ ที่เป็นคอมมูนิตี้สำหรับคนเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ที่มีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง และยังมีโรงพยาบาลสัตว์ ร้านค้าสัตว์เลี้ยง สวนสาธารณะรองรับโดยรอบ นอกจากนี้ยังมีโครงการอาคารชุดคู่แข่งยังมีไม่มาก

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*