ปรับแผนธุรกิจใหม่รองรับความต้องการสินค้าบ้านแนวราบที่เพิ่มขึ้น “กลุ่มฮาบิแทท กรุ๊ป” เจ้าตลาด Property Fund Invesment ที่ปักหลักลงทุนธุรกิจอสังหาฯอยู่ในเมืองพัทยามานับ 10 ปี ก่อนจะขยับขยายพอร์ตลงทุนเปิดตัวคอนโดฯเกาะแนวรถไฟฟ้า สายสุขุมวิท ล่าสุดเปิดเกมรุกใหม่บุกตลาดบ้านเดี่ยวแบบพูลวิลล่า และร่วมทุนกับแลนด์ลอร์ดรายใหญ่ตระกูล”เฮงตระกูล”เปิดโครงการแบรนด์ใหม่ “ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา” ในคอนเซ็ปต์ “เวเคชัน พูลวิลล่า” (Vacation Pool Villa) มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ทั้งลูกค้าคนไทยและต่างชาติ

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า เดิมบริษัทจะเน้นการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยในกลุ่ม Lifestyle Investment เพื่อเจาะตลาดลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนเป็นหลักในรูปแบบของคอนโดมิเนียม โดยในช่วง 10ปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวโครงการไปแล้ว 12 โครงการมูลค่า 10,000 ล้านบาท ในจำนวนนนี้ 8โครงการตั้งอยู่ในเมืองพัทยา ส่วนอีก 4โครงการอยู่ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะการลงทุนในเมืองพัทยาจะเน้นการพัฒนาโครงการในรูปแบบอสังหาฯเพื่อการลงทุน ที่มีแบรนด์ของโรงแนมนำหน้าชื่อของโครงการเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันโครงการส่วนใหญ่ปิดการขายไปเกือบหมดแล้ว ขณะที่โครงการในกรุงเทพฯมียอดขายโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 70-80%

แต่ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมาหลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลให้ผู้บริโภคและนักลงทุนมีมุมมองต่อการซื้อที่อยู่อาศัยเปลี่ยนไป โดยมีความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างมากขึ้น สามารถรองรับกิจกรรมของครอบครัวและกลุ่มเพื่อนได้ ขณะที่รูปแบบของที่อยู่อาศัยที่ลูกค้าต้องการจะเป็นบ้านพร้อมท่องเที่ยวและพักผ่อนรองรับการใช้ชีวิตและทำงานอยู่ในพื้นที่เดียวกันของคนยุคใหม่ที่ทำงานจากที่ไหนก็ได้” หรือ Work from Anywhere

ทำให้บริษัทต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนจากเดิมที่เป็นการพัฒนาโครงการอสังหาฯ เพื่อลงทุน หันมาพัฒนาบ้านแนวราบแทนเพื่อบาลานซ์พอร์ตและบริหารความเสี่ยงอีกด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ได้พัฒนาโครงการพูล วิลล่ามาแล้ว 2 โครงการ คือ  เดอะ วิลล์ จอมเทียน และครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์

โดยได้ร่วมทุนกับแลนด์ลอร์ดรายใหญ่ในพื้นที่ชลบุรี-พัทยา จัดตั้งบริษัทฮาบิแทท วิลล่า จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการ “ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา” ซึ่งกลุ่มฮาบิแทท กรุ๊ป ถือหุ้น 70% และอีก 30% ถือหู้นโดยนายรัฐกิจ เฮงตระกูล เจ้าของที่ดิน 51 ไร่ที่นำมาพัฒนาโครงการนี้

ทั้งนี้โครงการไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นพร้อมสระว่ายน้ำทุกหลังขนาด 3 x 8 เมตรและ 3.4 x10 เมตร มีมูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาเป็น 2 เฟส  โดยจะเริ่มเปิดขายเฟสแรกก่อนจำนวน 65 ยูนิตในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ มีแบบบ้านให้เลือก 2 แบบ คือ  โรสวูด แกรนด์ วิลล่า ขนาดเนื้อที่เริ่มต้น 76 – 152 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน 375 ตารางเมตร ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน พื้นที่จอดรถ 3 คัน ราคา 13 – 15 ล้านบาท และแบบแคสเซีย พูล วิลล่า ขนาดเนื้อที่เริ่มต้น 61 – 122 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน 282 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 8 – 12 ล้านบาท  มี 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ พื้นที่จอดรถ 2 คัน

โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและกลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุน แบ่งเป็นคนกรุงเทพฯ 70% ช่วงอายุ 30 – 50 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มครอบครัวเจ้าของกิจการขนาดกลางขึ้นไป กลุ่มผู้ประกอบอาชีพเฉพาะทาง  และอีก 30% เป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย และวัยเริ่มเกษียณ ที่ต้องการพื้นที่เพื่อการพักผ่อน

นายรัฐกิจ เฮงตระกูล ผู้ร่วมทุน โครงการ “ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา”  กล่าวว่า ที่ผ่านมาครอบครัวดำเนินธุรกิจบ้านจัดสรรมา 10 กว่าปีภายใต้แบรนด์ “พัทยา ปาร์ค ฮิลล์” และ “วรรณสิริ” รวมไปถึงการซื้อขายที่ดินด้วย โดยเริ่มซื้อที่ดินสะสมมากว่า 40 ปีแล้ว ปัจจุบันมีที่ดินสะสมอยู่ในจังหวัดชลบุรีกว่า 20 แปลง ขนาดที่ดินเฉลี่ยแปลงละ 10-20 ไร่ นอกจากนี้ยังมีที่ดินอยู่ในจังหวัดนนทบุรีและพิจิตรด้วย

ส่วนแปลงที่ดิน 51 ไร่ที่ร่วมทุนกับฮาบิแทท กรุ๊ปตั้งอยู่ในตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งของโครงการเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะของศูนย์ธุรกิจอีอีซี โดยภาครัฐได้นำที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)เนื้อที่ 14,619 ไร่ มาพัฒนาเมืองที่ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้พัฒนาเมือง มีมูลค่าโครงการสูงถึง 1.344 ล้านล้านบาท คาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยาได้มากขึ้น เนื่องจากความต้องการซื้ออสังหาฯในพื้นที่พัทยาเกิดขึ้นในหลายเซ็กเม้นท์ ขณะที่สินค้ากลุ่มวิลล่าเป็นเซ็กเม้นท์ที่มีดีมานด์สูงสำหรับการท่องเที่ยวและพักผ่อน รวมทั้งซื้อไว้เพื่อการลงทุนในระยะยาว โดยได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อทั้งนักธุรกิจในพื้นที่ ชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโซนอีอีซีระดับผู้บริหารที่ต้องการซื้อแทนเช่า และคนไทยที่อยู่ในกรุงเทพฯ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*