“แอล.พี.เอ็น.” กางแผนโรดแมป 5 ปี (ปี 2565-2569) ทำรายได้รวมอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรปี 2566 ภายใต้แนวคิด “Transform for Better Living” สู่การขับเคลื่อนองค์กรเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในทุกมิติ มีแผนเปิดตัวโครงการ 17 โครงการ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “168”พร้อมขยายฐานกลับไปบุกตลาดต่างจังหวัดอีกครั้ง ประเดิมเปิดตัว 3 โครงการใหม่ทั้งบ้านแนวราบและอาคารสูง

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ LPN เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งเป้าแผนโรดแมป 5 ปีตั้งแต่ปี 2565-2569 รายได้รวมอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท หรือแต่ละปีต้องทำรายได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยในปี 2566นี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 13,000 ล้านบาทและเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ดีตามแนวคิด “Transform for Better Living” เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนทุกวัย

โดยในช่วงครึ่งแรกของปี บริษัทวางแผนยกระดับการบริหารจัดการเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่การนำร่องเปิดตัวรูปลักษณ์ใหม่ของการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ ‘168’ ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นที่พักอาศัยภายใต้แนวคิด “น่าอยู่” (Livable Community) รองรับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าในปัจจุบัน อาทิ การติดตั้ง EV Charger และ Solar Cell ในทุกโครงการ    พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ  ซึ่งได้ทยอยเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2565 พร้อมขยายการพัฒนาโครงการบ้านแนวราบระดับพรีเมียม

ทั้งนี้บริษัทได้วางเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 7,600 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 20 % จากปี 2565และยอดขาย13,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าคอนโดมิเนียม 9,000 ล้านบาท และบ้านแนวราบ 4,000 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 17 โครงการ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “168” แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 4 โครงการ มูลค่า 5,000ล้านบาท

ส่วนโครงการบ้านแนวราบมี 13 โครงการ มูลค่า 9,000 ล้านบาท ในจำนวนี้เป็นบ้านแนวราบระดับพรีเมียม 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ Residence 168 ราชพฤกษ์,Maison 168 เมืองทอง และ Villa 168 เวสต์เกต โดยจะเปิดขายพร้อมกันในวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์นี้

นอกจากนี้ยังมีแผนกระจายการลงทุนออกไปในพื้นที่ต่างหวัดเพิ่มด้วย 3 โครงการ หลังจากที่บริษัทเคยเปิดตัวโครงการคอนโดฯในจังหวัดอุดรธานี ชลบุรี พัทยา และชะอำมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากมองเห็นโอกาสในกขยายการลงทุนตามการขยายตัวของเมือง เส้นทางคมนาคม และความต้องการของผู้ซื้อ โดยจะเน้นขยายการพัฒนาโครงการไปในจังหวัดที่มีศักยภาพในการขยายตัวและกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะในทำเลเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) เบื้องต้นจะเปิดตัวโครงการใหม่ในพื้นที่รอบนิคมอมตะนคร 2โครงการมีทั้งบ้านแนวราบและคอนโดฯ ส่วนอีก 1โครงการตั้งอยู่ที่จังหวัดนครปฐม พัฒนาเป็นบ้านแนวราบ

ขณะเดียวกันยังมีแผนจะก่อสร้างให้เสร็จและเริ่มส่งมอบในปีนี้จำนวน 14 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดฯ 2 โครงการ ได้แก่ ลุมพินี คอนโดทาวน์ เอกชัย 48 และลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 (เฟส 3) และบ้านแนวราบ 12 โครงการ ได้แก่ Residence 168 ราชพฤกษ์, Residence 168 อ่อนนุช 46, Maison 168       เมืองทอง, Villa 168 เวสต์เกต, Venue 168 เวสต์เกต, Venue 168 คูคต สเตชั่น, Venue 168 ราชพฤกษ์, Haus 168 เวสต์เกต, Haus 168 คูคต สเตชั่น, Haus 168 ราชพฤกษ์, และโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการ

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 6,136 ล้านบาท เติบโต 42% เมื่อเทียบกับปี 2564 แบ่งเป็น โครงการคอนโดฯ 3,769 ล้านบาท และโครงการบ้านแนวราบ 2,064 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการธุรกิจเช่า 303 ล้านบาท โดยนำห้องชุดที่เหลือขายในบางโครงการมาปล่อยเช่าให้กับลูกค้า รวมทั้งยังมีรายได้พิเศษจากการขายอาคารสำนักงาน 2,590 ล้านบาท และมีขายยอดรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่า 1,845 ล้านบาท ที่จะสร้างรายได้ในปี 2566-2568 และสินค้าคงเหลือ (Inventory) มูลค่า 7,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นสต็อกสินค้าที่เหลือขายในโครงการเก่าประมาณ 60% อีก 40% เป็นโครงการที่เพิ่งสร้างสร็จในปี 2565

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*