ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่าฉลองครบรอบ 30 ปี หลังต่อสัญญาเช่าอีก 13 ปี ทุ่มงบกว่า 400 ล้านบาท อวดโฉมใหม่ศูนย์กลางธุรกิจไลฟ์สไตล์ชอปปิ้งบ้านพักอาศัยใจกลางเกาะรัตนโกสินทร์ บนสุดยอดทำเลการค้าพาหุรัดตรีเพชรเจริญกรุงบูรพาดึงแบรนด์ดังเสริมทัพส่วนพลาซ่า และศูนย์อาหาร เติมสีสันวิถีชีวิต ดันกราฟธุรกิจเติบโตมั่งคั่งและยั่งยืน
นายอภิชัย สิริดำรงพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจอาคารพาณิชย์ บริษัท สยามสินธร จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นพัฒนา ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่าให้เป็นศูนย์กลางการค้าและชอปปิ้งของผู้คนทั้งในกรุงเทพฯ และคนต่างจังหวัด ที่เดินทางเข้ามาติดต่อธุรกิจกับร้านค้าพันธมิตร ซึ่งภาพความสำเร็จดังกล่าวได้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานร่วม 30 ปี นับตั้งแต่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2536 เป็นต้นมา ซึ่งสัญญาเดิมได้หมดลงเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา และได้เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ใหม่อีก 13 ปี เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา เพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับลูกค้าที่มาเช่าพื้นที่ บริษัทฯจึงมีแผนพัฒนาปรับโฉมดิโอลด์ สยาม พลาซ่าให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจไลฟ์สไตล์ชอปปิ้งบ้านพักอาศัย ให้เต็มไปด้วยสีสันและประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้คนในย่านนี้ และรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี

โดยดิ โอลด์ สยาม พลาซ่าตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 14 ไร่ จำนวน 2 อาคาร ขนาดพื้นที่รวม 98,500 ตารางเมตร อาคารแรก สูง 5 ชั้น ประกอบด้วยพลาซ่า พื้นที่ใช้สอย 17,945 ตารางเมตรอยู่ชั้น 1-3

พื้นที่พลาซ่า ชั้น 1 ยังคงเป็นแหล่งรวม ร้านเพชร ร้านทองส่งชั้นนำ ผ้าลูกไม้นำเข้า ร้านเครื่องประดับ และขนมไทยโบราณที่มีชื่อเสียงมายาวนาน

พื้นที่พลาซ่า ชั้น 2 เป็นศูนย์รวมผ้าไหม เครื่องประดับ ห้องเสื้อ ชุดราตรี ชุดแต่งงาน ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

พื้นที่พลาซ่า ชั้น 3 พบกับโฉมใหม่ ศูนย์รวมร้านอาหาร และ มาร์เก็ต ที่เตรียมยกระดับให้เป็นFood Experience แห่งใหม่ของย่านนี้ ที่จำหน่ายสินค้าและให้บริการที่จะอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

และเรสซิเดนซ์ จำนวน 128 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 13,000 ตารางเมตร อยู่ชั้น 4-5 ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 95 ตารางเมตร โดยหากลูกค้าซื้อระยะยาว 13 ปี จะซื้อได้ในราคาเริ่มต้นที่ 3.2 ล้านบาท แต่หากเป็นการเช่าระยะสั้นเวลา 1 ปี ราคาเช่าเฉลี่ยประมาณ 28,000 บาท/เดือน พร้อมที่จอดรถ 1 คัน

ส่วนอาคารที่ 2 สูง 10 ชั้น เป็นพื้นที่สำหรับจอดรถได้ 1,100 คัน ซึ่งรีโนเวทตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน2566 และแล้วเสร็จในปลายเดือนธันวาคม 2567

ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่าแหล่งธุรกิจที่มีเอกลักษณ์ และเจริญมั่นคงมายาวนาน ถือเป็นมิกซ์ยูสที่เป็นมิตรใกล้ชิดย่านการค้า เป็นศูนย์รวมร้านทองส่ง แหล่งผลิตเครื่องประดับ เพชร ปืน ผ้าไทย อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมผ้าไหมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ นำเข้าผ้าลูกไม้จากต่างประเทศ ศูนย์รวมอาหาร ขนมไทยที่ขึ้นชื่อ และบ้านพักอาศัยที่อยู่สบายใจกลางเมืองติดรถไฟฟ้า นับเป็นโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกบนเกาะรัตนโกสินทร์ และเป็นพลาซ่าที่ใหญ่ที่สุดในทำเลนี้  ซึ่งเดิมเป็นตลาดมิ่งเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นย่านการค้าหลักของกรุงเทพฯ อย่างยาวนาน

ด้วยความโดดเด่นของทำเลที่ตั้ง อยู่ติดกับถนนสายการค้าทั้ง 4 ด้าน คือ พาหุรัด ตรีเพชรเจริญกรุง บูรพา ทำให้มีผู้คนไหลเวียนเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวชม สถานที่สำคัญใกล้เคียง อาทิ พระบรมมหาราชวังฯ วัดพระแก้ว ชมการแสดงโขนที่ศาลาเฉลิมกรุง แวะทานอาหารและขนมไทยที่ศูนย์การค้าฯ นอกจากความเป็นเอกลักษณ์ของย่านการค้าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความหลากหลายของสินค้าและบริการ เช่นผ้าไหม ร้านเพชร และขนมไทยที่หาทานได้ยากจะรวมอยู่ที่นี่แล้ว ในด้านการเดินทางมีความสะดวกสบาย ทั้งโดยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งทางศูนย์การค้าฯ มีบริการที่จอดรถมากกว่า 1,100 คันหรือสะดวกสบายเดินทางโดยรถไฟฟ้า MRT สถานีสามยอด

แผนพัฒนาดิ โอลด์ สยามเดินหน้าปรับพื้นที่ภายในและภายนอกทั้งหมด ทั้งในส่วนพลาซ่าและบ้านพักอาศัย โดยคงเอกลักษณ์ของอาคารในสไตล์โคโลเนียลที่มีความคลาสสิค บนพื้นที่ให้บริการ 98,500 ตารางเมตร

ในส่วนของพลาซ่า พื้นที่รวม 17,945 ตารางเมตร เตรียมออกแบบและตกแต่งให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น พร้อมปรับพื้นที่ร้านค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการทั้งลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B : Business to Business) และ ลูกค้ากลุ่มค้าปลีก (B2C : Business to Consumer)”นายอภิชัยกล่าว

จุดเด่นของดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า คือ ร้านค้ามากกว่า 50% เป็นธุรกิจที่ขายให้กับธุรกิจ หรือB2B โดยเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการจากรุ่นสู่รุ่นอาทิ ธุรกิจร้านเครื่องประดับ ร้านเพชร  หากต้องการเพชรคุณภาพระดับพรีเมี่ยม หรือ ร้านทองส่ง ให้นึกถึง ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่านายอภิชัย กล่าว

สำหรับแนวทางการพัฒนาดิ โอลด์ สยาม พลาซ่าในครั้งนี้นอกจากการปรับปรุงอาคารให้มีความทันสมัย สินค้าที่มีเอกลักษณ์และมีความหลากหลาย รวมถึงบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนทุกช่วงวัย ยังมาพร้อมแนวคิดของการต่อยอดและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้เกิดขึ้น  โดยการปรับรูปแบบการให้เช่าพื้นที่ ที่ครอบคลุมความต้องการ และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีความคล่องตัว ทั้งแบบสัญญาเช่าระยะสั้น และสัญญาเช่าระยะยาว เพื่อให้เอื้อต่อการทำธุรกิจและการพักอาศัย

นายอภิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากประสบการณ์และความมุ่งมั่นของทีมงาน ที่พัฒนาโครงการ เวลา สินธร วิลเลจ หลังสวน” (Velaa Sindhorn Village Langsuan) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในการบริหารพื้นที่ ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์และความต้องการของคนเมือง และในการพัฒนาดิ โอลด์ สยาม พลาซ่าครั้งนี้ก็เช่นกัน ทีมงานมีความมุ่งหวังที่จะเติมสีสันให้กับผู้คนในย่านนี้และผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยวางแผนเพิ่มผู้เช่าในกลุ่มร้านค้าและบริการอื่นๆเพื่อรองรับความต้องการ ในกลุ่ม B2C ให้มากยิ่งขึ้น เน้นการสร้าง One stop service อีกแห่งใจกลางเมือง พร้อมรับกลุ่มคนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มาใช้บริการภายในศูนย์การค้าฯ มากยิ่งขึ้น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*