ศุภาลัยฯเดินหน้าผุดที่อยู่อาศัยตลาดต่างจังหวัดต่อเนื่อง หวังรักษาแชมป์อสังหาฯในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากสุด ครึ่งแรกปี 2566 โครงการในภูมิภาคกวาดยอดขายแล้ว 7,784 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง 45% ตั้งเป้า 2 ปี ครอบคลุม 31 จังหวัด ล่าสุดดึง “โบว์-เมลดา สุศรี” นางเอกชื่อดัง นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของศุภาลัย ในรอบ 34 ปี ย้ำถึงจุดยืน “Standard ดี Quality เดียวกัน” หวังเข้าถึงทุกเจเนอเรชัน และเป็นหนึ่งในแบรนด์ทางเลือกอันดับต้นๆ ครึ่งปีแรก 66 กวาดยอดขายโครงการในภูมิภาค แล้ว 7,784 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 45% จากยอดขายรวม
ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยถึงแผนการพัฒนาโครงการในตลาดต่างจังหวัดว่า บริษัทยังคงเดินหน้าขยายโครงการในจังหวัดต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% ซึ่งบริษัทฯ มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ และถือเป็นบริษัทอสังหาฯ อันดับแรกๆ ที่เข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการในหัวเมืองจังหวัดต่างๆ นอกเหนือจากกรุงเทพฯ โดยเริ่มต้นในหัวเมืองภูมิภาค 2 จังหวัด ได้แก่ สงขลา และขอนแก่น หลังจากนั้นกระจายการลงทุนไปยังจังหวัดอื่นๆ มายาวนานกว่า 34 ปี พัฒนาโครงการครอบคลุมกว่า 28 จังหวัด (รวมกรุงเทพฯ) ซึ่งพัฒนาโครงการในหัวเมืองภูมิภาคไปแล้ว รวมทั้งหมด 161 โครงการ หรือประมาณ 36,000 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 118,000 ล้านบาท เป็นอันดับ 1 ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีส่วนแบ่งตลาด (Market share) มากที่สุด ทั้งนี้ทุกจังหวัดได้รับกระแสตอบรับที่ดี อีกทั้งยังมียอดขายเพิ่มขึ้นทุกปี และสามารถปิดการขายแบบเต็มจำนวนทั้งหมด เนื่องจาก “SUPALAI” เป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีความแข็งแกร่งทางการเงิน ประกอบกับแต่ละโครงการได้ออกแบบด้วยความเข้าใจ และตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยแต่ละจังหวัด นอกจากนี้ยังเน้นคัดสรรทำเลศักยภาพที่สอดคล้องกับความชื่นชอบของลูกค้า ทั้งติดถนนใหญ่  โครงการริมแม่น้ำ  ติดภูเขา หรือทะเลสาบขนาดใหญ่  ทั้งในเมืองและชานเมือง รวมถึงบ้านจัดสรรและอาคารชุด เป็นต้น อีกทั้งยังมุ่งพัฒนาโครงการเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อยกระดับการอยู่อาศัยของลูกบ้านทั่วประเทศ

“การเปิดโครงการในต่างจังหวัดจะเน้นจังหวัดที่มีเศรษฐกิจขยายตัวดี เป็นแหล่งงาน หรือนิคมอุตสาหกรรม มีการท่องเที่ยว และเป็นแหล่งการศึกษา เป็นต้น ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพที่บริษัทจะเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการ แต่อย่างไรก็ตามการพัฒนาโครงการต่างจังหวัดยังคงต้องมีคุณภาพเดียวกับโครงการในกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่เข้ามาซื้อโครงการของศุภาลัยฯในต่างจังหวัด โดยบริษัทฯจะมีการควบคุมในเรื่องของผู้รับเหมาก่อสร้างที่จะต้องมีมาตรฐานในการก่อสร้างตามมาตรฐานของบริษัทที่กำหนด”นายประทีป กล่าว

นายประทีป กล่าวเพิ่มเติมว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 โครงการในภูมิภาคของศุภาลัยฯสามารถกวาดยอดขาย 7,784 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับยอดขายครึ่งปีแรกของ 2565 โดยแบ่งเป็นยอดขายกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม 570 ล้านบาท ซึ่งเติบโตถึง 72% และโครงการแนวราบ 7,214 ล้านบาท ที่เติบโตขึ้น 6% หรือคิดเป็นสัดส่วนยอดขายที่มาจากตลาดภูมิภาคเท่ากับ 45% โดยจังหวัดที่ขายดีในอันดับต้นๆ คือ ภูเก็ต ชลบุรี ระยอง สงขลา และขอนแก่น พร้อมลุยเต็มกำลังตามแผนพัฒนาโครงการ 5 จังหวัดใหม่ภายในปี 2566 ได้แก่ ลำพูน ลำปาง นครปฐม ราชบุรี และจันทบุรี  นอกจากนี้ยังมีอีกหลายจังหวัดที่จัดซื้อที่ดินแล้วแต่ยังไม่ได้พัฒนาโครงการ  ซึ่งจะทำให้ศุภาลัยฯมีโครงการครอบคลุมกว่า 31 จังหวัดภายใน 2 ปีข้างหน้านี้

ด้วยความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้อยู่อาศัย ถือเป็นกุญแจหลักสู่ความสำเร็จของแบรนด์ โดยศุภาลัยฯมีแบบบ้านกว่า 100 แบบบ้านที่มีการพัฒนาตลอดเวลาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมอยู่อาศัยของลูกค้า ซึ่งในแต่ละจังหวัดได้คัดสรรแบบบ้านที่เหมาะสมกับพื้นที่ จากความแตกต่างของแต่ละทำเล รวมถึงให้ความสำคัญของบรรยากาศที่ดีและเหมาะแก่การอยู่อาศัย โดยสิ่งสำคัญคือ Economy of Scale ในทุกจังหวัด มุ่งพัฒนาอย่างน้อย 3-10 โครงการในแต่ละจังหวัด ตลอดจนยังมีการขยายการลงทุนในต่างประเทศอย่างออสเตรเลียมาอย่างต่อเนื่องถึง 10 ปีอีกด้วย

ด้าน นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กล่าวว่า ในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มองว่าในช่วงแรกรัฐบาลคงเน้นเรื่องการกระตุ้นเรื่องผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP)และระบบสาธารณูปโภคภายในประเทศก่อน ส่วนมาตรการกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาฯนั้นเชื่อมั่นว่าในระยะสั้นนี้คงยังไม่เห็นอย่างแน่นอน

สำหรับเทรนด์ตลาดอสังหาฯในไตรมาส 4/2566 นี้ เชื่อว่าตลาดคอนโดฯเริ่มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และกำลังจะฟื้นตัว เพราะความต้องการคอนโดฯพร้อมอยู่เริ่มกลับมา โดยเฉพาะระดับราคา 3-5 ล้านบาท ถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะหมายถึงว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มกลับมามากขึ้น ขณะเดียวกันสต๊อกคอนโดฯเก่าในตลาดก็ระบายเกือบหมดแล้ว ขณะที่ตลาดแนวราบยังทรงๆตัว แต่เชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นเช่นกัน

นายไตรเตชะ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากจุดยืนตลอดกว่า 34 ปีของศุภาลัยที่มุ่งมั่นสร้าง Standard ดี Quality เดียวกัน” ให้กับบ้านทุกหลัง ทำให้ในวันนี้ศุภาลัยฯประสบความสำเร็จด้วยยอดขายอันดับ 1 ในตลาดภูมิภาค โดยในครึ่งปีหลัง 2566 นี้ บริษัทฯเตรียมเดินหน้าบุกตลาดอสังหาฯ สู่หัวเมืองจังหวัดต่างๆ ในทุกภาค เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดอสังหาฯในภูมิภาค และให้ลูกค้ามีความมั่นใจในแบรนด์ที่พร้อมเติบโตไปกับลูกค้า อีกทั้งพร้อมก้าวสู่เป้าหมายบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับชาติอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดได้ดึง “โบว์-เมลดา สุศรี” นางเอกชื่อดัง นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของศุภาลัย ในรอบ 34 ปี ถือเป็นกลยุทธ์ครั้งสำคัญของแบรนด์ เพื่อย้ำถึงจุดยืน “Standard ดี Quality เดียวกัน” และที่เลือก “โบว์-เมลดา” เพราะต้องการให้เห็นภาพของศุภาลัยฯในปัจจุบันมากขึ้น อีกทั้ง “โบว์-เมลดา” ไม่เพียงเป็นที่รู้จักและเข้าถึงคนไทยทุกเจเนอเรชันทั่วประเทศเท่านั้น แต่ยังมีตัวตนที่สะท้อนความเป็นกันเอง และไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสื่อถึงความเป็นแบรนด์ศุภาลัยได้อย่างเหมาะสมมากที่สุดในฐานะผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่เข้าใจทุกความแตกต่าง หลากหลาย และเข้าถึงใจคนไทยทั่วประเทศ โดยคาดหวังว่าการดึง “โบว์-เมลดา”มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ จะทำให้ลูกค้าที่มีความต้องการซื้อบ้านจะทำให้นึกถึงศุภาลัยเป็นหนึ่งในแบรนด์ทางเลือกอันดับต้นๆ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะสร้างยอดขายในระยะสั้น ซึ่งมองว่าเป็นการต่อยอดในระยะยาวมากกว่า

สำหรับไฮไลท์ภายในงานเปิดแคมเปญ “Standard ดี Quality เดียวกัน” นอกจากการเปิดตัว “โบว์-เมลดา สุศรี” เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์แล้ว ยังได้ชูมาตรฐานบ้านศุภาลัยฯทั้งคุณภาพการก่อสร้าง และการบริการที่ดีผ่าน 5 โซน ที่เปิดให้สัมผัสมาตรฐานบ้านศุภาลัยฯในทุกฟังก์ชันที่ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ภาคไหน ก็ได้มาตรฐานเดียวกันทุกหลัง สะท้อนแนวคิด “Standard ดี Quality เดียวกัน” ซึ่งเป็นจุดแข็งของบ้านของศุภาลัยฯที่ตอบโจทย์ทุกมิติของการใช้ชีวิตของคนในทุกจังหวัด พร้อมเปิดตัวผู้นำภูมิภาค ตอกย้ำการให้ความสำคัญในมาตรฐานบ้านทุกหลังเท่ากันทั่วประเทศ

5 จุดแข็งที่เรายึดมั่นเพื่อเสริมแกร่งบ้านศุภาลัยฯมาตลอด เพราะเรายึดมั่นว่ามาตรฐานของบ้านที่ดี ส่งผลต่อการใช้ชีวิตที่ดีเช่นเดียวกัน โดยตั้งมั่นเป็นผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่คิดจากชีวิตจริง ผ่านการชู 5 มาตรฐานเริ่มต้นจาก มาตรฐานการออกแบบบ้าน ที่จัดพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัว รวมถึงเน้นโครงสร้างบ้านให้อากาศถ่ายเทและมีลมโกรก สะท้อนการออกแบบบนพื้นฐานการเข้าใจชีวิตจริงของคนไทย นอกจากนี้ มาตรฐานการก่อสร้างที่ดี ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เราใส่ใจต่อผู้อยู่อาศัย ซึ่งทุกโครงการได้รับรองมาตรฐานสากล ISO 9001 : 2015 ซึ่งออกแบบถูกต้องตามกฎหมาย และมาตรฐานวิชาชีพ พร้อมทั้งใช้วัสดุต่างๆ ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เน้นการออกแบบเป็นบ้านประหยัดพลังงาน เพื่อช่วยลดค่าไฟฟ้าของผู้อยู่อาศัย พร้อมกันนี้ ศุภาลัยยังให้ความมั่นใจในด้านมาตรฐานการบริการหลังการขาย ที่ไม่ทอดทิ้งลูกบ้านตลอดการอยู่อาศัยที่ติดต่อได้หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งปัญหาและการซ่อมต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน SABAI ติดต่อขอคำปรึกษาผ่าน LINE OA “SUPALAI CARE” ให้ลูกบ้านรวมถึงบุคคลทั่วไป สามารถขอคำแนะนำเรื่องการซ่อมแซม การดูแลบำรุงรักษาบ้านและคอนโดฯ พร้อมทั้งให้คำปรึกษาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย หรืออื่นๆ เสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวคอยดูแล 24 ชั่วโมง พร้อมช่องทางหลัก Contact Center 1720 คอยรับเรื่องแจ้งซ่อม แจ้งปัญหา และให้คำแนะนำเรื่องที่อยู่อาศัยแก่ลูกบ้านที่อยู่ในระยะประกัน นอกจากนี้ยังมี มาตรฐานการดูแลจากบุคลากรจริงในพื้นที่ ที่ไม่ว่าจะอยู่ภูมิภาคใด ก็สามารถดูแลด้วยความเข้าใจและเข้าถึงลูกบ้านในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ มาตรฐานความปลอดภัย โดยศุภาลัยมอบความอุ่นใจให้ลูกบ้านทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สามารถให้ความช่วยเหลือและดูแลตลอด 24 ชั่วโมง” นายไตรเตชะ กล่าว

อย่างไรก็ตามในปี 2566 นี้ บริษัทได้วางเป้าหมายยอดขาย (Presale) ในตลาดภูมิภาค ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท หรือเติบโตเกือบ 10% จากปีก่อน คิดเป็นเกือบ 50% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ 36,000 ล้านบาท

โดยในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในภูมิภาครวม 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 17,000 ล้านบาท คิดเป็น 58% ของมูลค่าโครงการที่จะเปิดใหม่รวมทั้งปี 37 โครงการ รวมมูลค่า 41,000 ล้านบาท สำหรับในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 โครงการในภูมิภาคของบริษัทสามารถกวาดยอดขาย (Presale) แล้ว 7,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2565 โดยแบ่งเป็นยอดขายกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม 570 ล้านบาท เติบโต 72% และโครงการแนวราบ 7,210 ล้านบาท เติบโต 6% หรือคิดเป็นสัดส่วนยอดขายที่มาจากตลาดภูมิภาคเท่ากับ 45%

 

 

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*