“สุริยะ” ผุดแผนพัฒนา “สถานีขนส่งกรุงเทพแห่งใหม่” ในรูปแบบอาคารมิกซ์ยูสเชื่อมสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ หนุนการเดินทางแบบไร้รอยต่อรถโดยสาร – ระบบรางตามโมเดลประเทศญี่ปุ่น คาดใช้ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี พร้อมสั่ง บขส. เตรียมแผนรองรับการเดินทางช่วงสงกรานต์’67

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ถึงปัญหาของสถานีขนส่งหมอชิต 2 ในด้านคุณภาพของชานชาลา บันไดเลื่อน ไฟฟ้าส่องสว่าง ป้ายบอกทาง การเชื่อมต่อการเดินทาง จุดดับเพลิง และห้องพยาบาล รวมถึงห้องให้นมบุตรนั้น ล่าสุดได้สั่งการให้บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) เร่งดำเนินการแก้ไขโดยทันที เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะมีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ซึ่งในขณะนี้ บขส. ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาในบางส่วนแล้ว เหลือเพียงการแก้ไขปัญหาเรื่องบันไดเลื่อนเก่า ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลา เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและมีความปลอดภัยระดับสูงสุด โดยปัจจุบันบขส. อยู่ระหว่างการออกแบบให้มีความเหมาะสม ทั้งด้านจำนวน และตำแหน่ง รวมถึงการติดตั้งพัดลมระบายอากาศในพื้นที่ชานชาลาเพิ่มเติมด้วย

นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมยังรับทราบถึงปัญหาการเดินทางไปยังสถานีขนส่งหมอชิต 2 ที่เข้าถึงยาก และมีการใช้พื้นที่ไม่คุ้มค่า รวมถึงปัญหาเรื่องคุณภาพของอาคาร ดังนั้นจึงได้เตรียมแนวทางและแผนการดำเนินการสำหรับการแก้ปัญหาสถานีขนส่งหมอชิต 2 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่ได้สนับสนุนให้การเดินทางในระยะใกล้ที่มีระยะทางไม่เกิน 200 กิโลเมตรโดยใช้ระบบขนส่งรอง (Feeder)

โดยรถบขส. ถือเป็นระบบขนส่งรองประเภทหนึ่ง เพื่อไปเชื่อมต่อกับการขนส่งระบบรางที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งเป็นระบบหลักของการเดินทางระยะไกลที่มีระยะทางมากกว่า 200 กิโลเมตร ตามที่กระทรวงคมนาคมได้มีการพัฒนารถไฟความเร็วสูง และรถไฟทางคู่ครอบคลุมในเส้นทางทั่วประเทศ

นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมยังมีแนวคิดในการพัฒนาสถานีขนส่งกรุงเทพแห่งใหม่ เนื่องจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 ในปัจจุบัน เป็นสถานีขนส่งชั่วคราวที่ย้ายมาจากหมอชิตเดิม โดยวางแผนจะพัฒนาเป็นอาคารสูงที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ได้อย่างสะดวก และมีอาคารแยกการให้บริการในแต่ละแนวเส้นทาง อาทิ อาคารเส้นทางสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) สายใต้ และสายตะวันออก

สำหรับรูปแบบในการพัฒนาสถานีขนส่งกรุงเทพแห่งใหม่นั้น จะต้องออกแบบให้ผู้โดยสารสามารถเดินเท้าเชื่อมต่อระหว่างอาคารกับสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และรถไฟฟ้าได้อย่างสะดวก ซึ่งจะเชื่อมต่อกันโดยอุโมงค์ หรือทางเดินที่มีหลังคาคลุม

ส่วนการให้บริการของรถบขส. จะต้องเป็นรูปแบบเดียวกันกับสนามบิน หรือจะต้องใช้ประตูทางออกร่วมกัน (Shared Gate) เพื่อใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีประสิทธิภาพ โดยรถบขส. จะต้องเข้ามารับผู้โดยสารตามเวลาที่กำหนด และออกจากสถานีภายในเวลา เพื่อให้การบริการในเส้นทางอื่น ๆ สามารถเข้ามาใช้ Gate ต่อเนื่องได้

ทั้งนี้บริเวณสถานีขนส่งกรุงเทพแห่งใหม่ จะต้องไม่มีอู่จอดรถในพื้นที่อาคาร โดยรถที่ให้บริการจะเข้ามารับ – ส่งผู้โดยสารตามเวลาเท่านั้น เพื่อแก้ปัญหาความแออัดของพื้นที่ และลดปัญหามลพิษ โดยจะพัฒนาอาคารเป็น Mixed Use มีการออกแบบอาคารให้ใช้ร่วมกัน เช่น ใช้พื้นที่ชั้นล่างเป็นสถานีรถโดยสาร และพัฒนาพื้นที่ชั้นบนเป็นสำนักงาน รวมถึงพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างรายได้ และเป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นต้น

รวมทั้งจัดให้มีพื้นที่รอคอย และพื้นที่ซื้อตั๋วในตัวอาคาร พร้อมทั้งป้ายแสดงข้อมูลรถที่จะเข้ายังชานชาลาต่าง ๆ ในลักษณะ Shared Gate ดังเช่นต้นแบบในต่างประเทศ

ส่วนการพัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพแห่งใหม่ในอนาคต จะได้นำหลักคิดโดยให้การบริการประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา และออกแบบระบบขนส่งสาธารณะเพื่อสร้างความสะดวก สบาย รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพในราคาที่ถูกและเหมาะสม โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนาประมาณ 4 ปี และจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการลงทุนที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเรื่องการจัดหาที่ดินมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท แต่เชื่อว่า บขส. มีทรัพย์สินในการบริหารจัดการ และมีสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนา ดังนั้น จึงมั่นใจว่าจะไม่เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดิน

สำหรับรูปแบบการพัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพแห่งใหม่ได้นำโมเดลจากต่างประเทศ เพื่อนำมาประกอบแผนในการพัฒนาในประเทศไทย อาทิ สถานีฮากาตะ ประเทศญี่ปุ่น ที่พัฒนาสถานีโดยสารเป็นอาคารสูง และเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟได้อย่างสมบูรณ์แบบ สถานีโตเกียว ที่มีการพัฒนาสถานีโดยสารที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟโตเกียว เป็นต้น

ด้านแผนการดำเนินงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์เดือนเมษายนนี้ กระทรวงคมนาคมได้จัดเตรียมแผนรองรับการเดินทางของผู้โดยสารไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย ได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามความผิดเรียบร้อยแล้ว รวมถึงทำความสะอาดของห้องน้ำทั้งหมด และได้สั่งการให้ บขส. ไปดำเนินการติดตั้งไฟแสงสว่างให้ครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณ พร้อมทั้งเตรียมเปิดจำหน่ายตั๋วโดยสารล่วงหน้า เช่นเดียวกับช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่ผ่านมา เพื่อลดความแออัดของประชาชนได้เป็นอย่างดี

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*